วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

"โอ๊ตตี้ รับรางวัลแม่โขงทองคำ พร้อมศิลปินแห่งชาติ ณ สปป.ลาว

"โอ๊ตตี้ รับรางวัลแม่โขงทองคำ พร้อมศิลปินแห่งชาติ ณ สปป.ลาว

             โอ๊ตตี้ มณีรัตน์ ศรีวิบูลย์ Miss Smart Tourism International 2021 พิธีกร นักแสดง เข้าร่วม "โครงการสานสัมพันธ์วัฒนธรรมสองฝั่งโขง ไทย-ลาว ครั้งที่ 5" และได้รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ "รางวัลแม่โขงทองคำ" (Golden Mekong Award) ซึ่งจัดขึ้น ณ รร.ศิลปะแห่งชาติ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  



พร้อมศิลปินแห่งชาติ ศิลปินพื้นบ้าน นักแสดง อาทิ คุณพ่อทรงศักดิ์ ประทุมสินธุ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีพื้นบ้านอีสาน) ,รองศาสตราจารย์ ดร.โกวิทย์ ขันธศิริ ครูดนตรีอาวุโส, ดร.ราตรี ศรีวิไล ราชินีหมอลำซิ่ง, หมอลําวีระพงษ์ วงศ์ศิลป์ ศิลปินภูไท, ฟิวส์ กิติกร และอีกหลายๆท่าน


           ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ และความร่วมมือด้านศิลปวัฒนธรรม ระหว่างราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อย่างยิ่งใหญ่

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ททท. จัดงานมหัศจรรย์งานศิลป์แผ่นดินไทย (Miracle of the Arts of the Kingdom) เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา ปี 2565

           การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมงาน "มหัศจรรย์งานศิลป์แผ่นดินไทย" (Miracle of the Arts of the Kingdom) เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงเป็นแม่ของแผ่นดิน เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา ในวันที่ 12 สิงหาคม 2565

        และสร้างภาพลักษณ์ในการรักษาศิลปวัฒนธรรมอันดีของไทย ตลอดจนสร้างการรับรู้อัตลักษณ์งานหัตถศิลป์อันทรงคุณค่าของไทย วันที่ 12-14, 20-21 และ 27-28 สิงหาคม 2565 เวลา 10.00-19.00 น. ณ พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน ต.เกาะเกิด อ. บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา

            โดยภายในงานจัดให้มีกิจกรรมมากมาย ได้แก่

🔸️ พิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา ปี 2565 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2565

🔹️การแสดงทางศิลปวัฒนธรรมไทย ดนตรีไทย เพลงไทย ฯลฯ เวลา 17.00 - 19.00 น. อาทิ การแสดงโขน การขับร้องเพลงโดยศิลปินคุณภาพ  

🔸️ การสาธิตงานหัตถศิลป์ โดยช่างสถาบันสิริกิติ์ จาก 6 แผนก ประกอบด้วย ถมทอง / คร่ำ / ปักผ้า / จักสานย่านลิเภา และจักสานย่านลิเภาสอดปีกแมลงทับ / จักสานไม้ไผ่ลายขิด / ทอผ้าไหมแพรวา

🔹️การสาธิต และจัดจำหน่ายสินค้าเครื่องคาวหวาน โดย โรงเรียนช่างฝีมือในวัง (หญิง) ขนมจีบนก ขนมเกสรลำเจียก ล่าเตียง และขนมเบื้อง จ่ามงกุฎ ถั่วแปบโบราณ ช่อม่วง และมาลัยดอกไม้สด โดย ช่างสถาบันสิริกิติ์

🔸️ กิจกรรม Workshop จัดวันละ 4 รอบ เวลา 13.00/14.00/15.00/16.00 น. รอบละ 15 ชุด ได้แก่ บุหงา และสกรีนถุงผ้า

🔹️ การออกร้านจำหน่ายอาหาร อาทิ อาหารชาววัง อาหารท้องถิ่น และอาหารที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน 

🔸️ การตกแต่งบรรยากาศแบบไทยประยุกต์ จุดถ่ายภาพ และการตกแต่งไฟประดับ

     และกิจกรรมไฮไลท์ การแสดงโขนกลางแปลง โดยมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ซึ่งเป็นการแสดงศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า โดย “โขน” ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ปัจจุบันหาชมได้ยาก ผู้เข้าร่วมงานจะรับชมการแสดงได้อย่างใกล้ชิดภายในงานนี้ 

     ้พร้อมนำชมพิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดินรอบบรรยายพิเศษ โดยไม่เสียค่าวิทยากรพิเศษ วันละ 3 รอบ เวลา 10.30 น. / 13.30 น. / 14.30 น.

         ผู้เข้าร่วมชมงานควรแต่งกายชุดไทย ถ่ายภาพกับบรรยากาศการจัดงานแบบไทยประยุกต์ และอาคารพิพิธภัณฑ์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ภายในพื้นที่ธรรมชาติร่มรื่นสวยงาม               

       เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ 2565 คุณลูกพาคุณแม่มาเที่ยวงาน รับสิทธิ์สกรีนกระเป๋า DIY ใบสวยไม่ซ้ำใคร นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน ฟรี  

      ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thailandfestival.org

#thailandfestival #เที่ยวเมืองไทยamazingยิ่งกว่าเดิม #amazingnewchapters #amazingthailand #มหัศจรรย์งานศิลป์แผ่นดินไทย #ศิลป์แผ่นดิน #MiracleOfTheArtsOfTheKingdom #การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย #ททท_

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

หมอแอมป์ “ตนุพล วิรุฬหการุญ” กับภารกิจขับเคลื่อน BDMS Wellness Clinic สู่ Wellness Tourism ผนึกโรงแรม Celes Samui ผลักดันประเทศไทยสู่ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโลก BDMS Wellness Clinic x Celes Samui

หมอแอมป์ ตนุพล วิรุฬหการุญ” กับภารกิจขับเคลื่อน BDMS Wellness Clinic สู่ Wellness Tourism

ผนึกโรงแรม Celes Samui ผลักดันประเทศไทยสู่ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโลก

BDMS Wellness Clinic x Celes Samui

              กระแสการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Wellness Tourism เริ่มเป็นที่จับตามองและได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวเลือกเดินทางมาสัมผัสกับบรรยากาศและฟื้นฟูสุขภาพไปพร้อมๆ กับการท่องเที่ยว “BDMS Wellness Clinic” ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันและฟื้นฟู จึงมีการจับมือกับ “Celes Samui” ที่มีทำเลของรีสอร์ทตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและทะเลที่สวยงามของหาดบ่อผุดที่มีทรายขาวโค้งเป็นแนวยาว ผสมผสานกับวิถีชีวิตที่เป็นอัตลักษณ์เฉพาะของเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อจัดทำโครงการ “BDMS Wellness Clinic Retreat”  มอบบริการการแพทย์ระดับ  พรีเมี่ยม และโปรแกรมการพักผ่อนเพื่อขับเคลื่อน BDMS Wellness Clinic และ Celes Samui สู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอย่างเต็มตัวในอนาคต

                                  

                   นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ หรือหมอแอมป์ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก (BDMS Wellness Clinic) และบีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท (BDMS Wellness Resort) พร้อมบอกเล่าภารกิจการขับเคลื่อน BDMS Wellness Clinic สู่ Wellness tourism รองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลายและภาครัฐ-เอกชน ได้ผ่อนคลายมาตรการการควบคุม  ช่วยหนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นตัว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ที่สถาบันโกลบอลเวลเนส (Global Wellness Institute: GWI) ประเมินว่าเติบโตเฉลี่ยปีละ 8.1% สูงกว่าค่าเฉลี่ยมูลค่าโดยรวมของสาขาธุรกิจเวลเนสทั้งหมดที่เติบโตปีละ 6.4% แม้ในปี พ.ศ. 2563 มูลค่าการตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจะลดลงจากมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ทำให้มูลค่าตลาดลดลง เหลือเพียง 435,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่จากการประเมินของ Global Wellness Institute การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จะกลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดด เฉลี่ยสูงถึงปีละ 20.9% และมูลค่าสาขานี้จะทะลุ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปี พ.ศ. 2567 ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ของภูมิภาคเอเชียและก่อนการเกิดโควิด-19 ประเทศไทยมีรายได้หลักจากการเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของโลก ในปี พ.ศ. 2563 ประเทศไทยถูกเลือกให้เป็น Wellness Destination อันดับ 2 ของโลก จากการจัดอันดับโดย Global Wellness Institute ล่าสุดปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยถูกจัดให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่น่าเดินทางไปเยือนมากที่สุดในโลก อันดับ 4 จากผลสำรวจเกี่ยวกับแผนการท่องเที่ยวระดับโลกของวีซ่า (Visa Global Travel Intentions Study) และเกาะสมุยยังถูกจัดให้เป็นอันดับ 4 ‘Best Islands’ โดยนิตยสาร DestinAsian

BDMS Wellness Clinic ประเดิมภารกิจแรกจับมือกับ Celes Samui

              ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นิยมของนักท่องเที่ยวหลากหลายกลุ่มมาอย่างยาวนาน ประกอบกับ BDMS เล็งเห็นศักยภาพในการเติบโตของตลาดธุรกิจ Wellness จึงได้ผนวกความร่วมมือระหว่าง BDMS  Wellness Clinic ซึ่งมีความชำนาญการในด้านการดูแลสุขภาพ เวชศาสตร์ป้องกันและการแพทย์เฉพาะบุคคล กับ Celes Samui ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและทะเลที่สวยงามของเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อจัดทำโครงการ BDMS Wellness Clinic Retreat ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่จะเข้ามาพักผ่อนในประเทศไทยและเลือกพำนักที่เกาะสมุย ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่ม Silver age (ช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป) ที่มีทั้งความพร้อมและเวลาหรือนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่หลงใหลในความสวยงามของทะเลและธรรมชาติของสมุย ที่ต้องการดูแลร่างกาย ตรวจสุขภาพและทำกิจกรรมต่างๆ อาทิเช่น การออกกำลังกาย การทำสปา นวดไทยหรือรับประทานอาหารสุขภาพ

Celes Samui มอบบริการระดับพรีเมี่ยมสำหรับนักท่องเที่ยว                                                   

                 นักท่องเที่ยวที่เข้าพัก ณ Celes Samui จะได้รับคำปรึกษาและการออกแบบโปรแกรมตรวจสุขภาพเฉพาะบุคคลโดยแพทย์ผู้ชำนาญการจาก BDMS Wellness Clinic ผ่านระบบ Telemedicine และ on-site ภายใต้ชื่อ “BDMS Wellness Clinic Retreat at Celes Samui” รวมทั้งการบริการทางการแพทย์จากทีมงานมืออาชีพ ประกอบด้วย 1.การตรวจสุขภาพเชิงป้องกันก่อนการเกิดโรค (Preventive Check-up) 2.การตรวจระดับวิตามิน,  แร่ธาตุ,ฮอร์โมน และสารต้านอนุมูลอิสระ (Vitamins, Minerals, Hormones and Antioxidants) 3.การตรวจวัดความยาวเทโลเมียร์ (Telomere Length) เพื่อดูอายุเซลล์ (Biological Age) 4.การตรวจรหัสพันธุกรรม ตรวจความเสี่ยงมะเร็งและความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ (Genetic Test) 5.การตรวจระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (NK cell activity) 6.การให้วิตามินทางหลอดเลือดดำ (IV Vitamin drip) 7.การออกกำลังกายเฉพาะบุคคล (Personalized Exercise Programs) 8.โปรแกรมเพื่อการผ่อนคลายความเครียดและดูแลสุขภาพจิต (Mental Wellness) 9.การดูแลและควบคุมน้ำหนัก (Weight management program) และ 10.โปรแกรมเพิ่มประสิทธิภาพการนอนหลับ (Sleep wellness)

                      นอกจากนี้ยังสามารถเลือกรับประทานอาหารได้หลากหลายเมนูทั้งอาหารมังสวิรัติ อาหารวีแกน อาหารที่ปราศจากกลูเตน (Gluten-free diet) และปราศจากผลิตภัณฑ์จากนมสัตว์ (Dairy-free diet) หรืออาหารท้องถิ่นที่มีความสดใหม่และปราศจากสารเคมี (Organic food) และเครื่องดื่มสุขภาพ  ที่ออกแบบจากนักกำหนดอาหาร (Dietician) ที่ BDMS Wellness Clinic รังสรรค์ร่วมกับเชฟมืออาชีพจาก Celes Samui ซึ่งมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน

             “BDMS Wellness Clinic มีบริการจัดส่งวิตามินและผลการตรวจสุขภาพพร้อมการแปลผล การออกแบบการรักษา และวางแนวทางในการดูแลสุขภาพ โดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ป้องกัน (Preventive Medicine) ให้ถึงที่พักหรือจุดหมายปลายทางที่ต้องการ เพื่อความสะดวกและตอบสนองต่อความต้องการของแต่ละบุคคลมากที่สุด

 “เกาะสมุย” ไม่เป็นสองรองภูเก็ต-หัวหิน

                 ต้องยอมรับว่า เกาะสมุย” ไม่เป็นสองรองภูเก็ต หัวหิน เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจ.สุราษฎร์ธานีและมีชื่อเสียงในด้านความสงบ ความสวยงามทางธรรมชาติ มีชายหาดทอดยาวเป็นแนวโค้งที่ขาวสะอาด มีผืนป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์และมีน้ำตกที่มีชื่อเสียง ทำให้สามารถทำกิจกรรม อาทิเช่น ดำน้ำ เดินป่า ดูนก กิจกรรมริมชายหาด ซึ่งมีความหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านชาวประมง สามารถเรียนรู้วิถีชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์เอาไว้ ตามวัตถุประสงค์หลักของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและตอบโจทย์เหมาะสำหรับการส่งเสริมสู่ “Wellness tourism”

            ขณะเดียวกันในปี 2561 Global Wellness Institute รายงานอัตราการเติบโตด้าน Wellness Tourism ของทวีปเอเชีย สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก หรือเติบโต 33% ภายในช่วงเวลา 2 ปี จาก 194 ล้านทริป เป็น 258 ล้านทริป  ประเทศไทย ติดอันดับ 4 ของเอเชียและข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปี 2560 ไทยมีนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสูงถึง 12.5 ล้านคนต่อปี สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้สูงถึง 409,000 ล้านบาท การจ้างงานสูงถึง 530,000 คน การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจึงเป็นอีกหนึ่งอาวุธสำคัญที่เข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้กับประเทศ เพราะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง มีจำนวนวันพักที่ยาวนานและมีการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อการท่องเที่ยวแต่ละครั้งสูงกว่านักท่องเที่ยวแบบปกติ

ภารกิจขับเคลื่อน BDMS Wellness Clinic สู่ Wellness Tourism

          “เราอยากทำ BDMS Wellness Clinic ให้เป็นโมเดลธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการพักผ่อน ยูนิคอร์นใหม่ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยุคโควิดเพราะไทยมีศักยภาพในการส่งเสริมให้เป็นศูนย์รวมของ Wellness tourism อย่างมาก แต่การจะทำให้ประสบความสำเร็จและกลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ใครคนใดคนหนึ่งหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ไม่สามารถทำเพียงลำพังได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคนทุกหน่วยงานและทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ นักวิชาการ ประชาชน เจ้าของพื้นที่หรือคนในท้องถิ่นนั้นๆ ตลอดจนกระทั่งภาครัฐบาล รวมไปถึงนโยบายต่างๆ ต้องร่วมกันคนละไม้คนละมือ ผลักดันให้ประเทศชาติเราเป็นที่น่าดึงดูด ให้คนทั้งโลกมาท่องเที่ยวและได้รับสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจกลับไป

       คุณอาริญา ปราสาททองโอสถ” ประธานผู้บริหารโรงแรมเซเลส สมุย (Celes Samui) หญิงเก่งวิสัยทัศน์ไกล เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการผนึกความร่วมมือระหว่าง BDMS Wellness Clinic และ Celes Samui ก่อนผลักดันสู่ Wellness Tourism

        BDMS Wellness Clinic เป็นศูนย์รวมดูแลสุขภาพที่เน้นวิธีป้องกันแทนการรักษา มีศักยภาพ มีความพร้อม ทางนวัตกรรมด้านเวชศาสตร์ป้องกันและชะลอวัย เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ซึ่งมีเป้าหมายกระตุ้น Wellness Tourism อย่างจริงจังและ Celes Samui เล็งเห็นความสำคัญของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ปัจจุบันหันมาสนใจดูแลสุขภาพ ผสานกับการท่องเที่ยวที่คัดสรรให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเอง จึงมีเป้าหมายเดียวกันกับ BDMS Wellness Clinic นอกจากนี้ Celes Samui ยังมี Location พร้อมรองรับ Wellness Tourism  ดังนั้นการผนึกความร่วมมือกับ BDMS Wellness Clinic โดยจัดทำโปรแกรมตรวจสุขภาพและ IV Drip แบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้เหมาะกับร่างกายของแต่ละท่านและเหมาะกับการเข้ามาพักผ่อน พร้อมเติมเต็มพลังเพิ่มความสดชื่น

ห้องให้บริการ IV Drip ที่ Celes Samui

                   ทางโรงแรมมีห้อง IV Drip Room ได้มาตรฐานผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข ตั้งอยู่ส่วนหน้าหาดของโรงแรม เพื่อให้ทุกครั้งที่ลูกค้ามาใช้บริการได้สัมผัสกับความรู้สึกผ่อนคลายไปกับธรรมชาติฟื้นฟู สุขภาพอย่างแท้จริง

เสน่ห์มนต์ขลังแห่งเกาะสมุย” ตอบโจทย์การท่องเที่ยวแบบ Wellness Tourism

             แพทย์หญิงสุรีย์รัตน์  ศรีตั้งรัตนกุล  ผู้อำนวยการคลินิกบีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก รีทรีท สมุย (BDMS Wellness Clinic Retreat Samui) กล่าวเสริมว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือวิตามินและแร่ธาตุในร่างกาย โดยจะให้ดีที่สุดควรได้รับจากอาหาร แต่หากในบางคนที่ได้รับในปริมาณ ซึ่งไม่เพียงพออาจต้องเสริมเพิ่มเข้าไป ทั้งนี้ก่อนจะได้รับการเสริมวิตามินควรจะได้รับการตรวจก่อนว่าขาดวิตามินชนิดใด เพื่อจะได้เติมเต็มให้ตรงจุด

เพราะวิตามินที่ขายทั่วไปไม่ได้เหมาะกับเราโดยเฉพาะ บางอย่างเยอะไป บางอย่างน้อยไป ถ้าในบางอย่างที่เราต้องการน้อยแต่ได้ในปริมาณที่เยอะก็จะส่งผลไม่ดีต่อร่างกายได้ โดยทางเราจะให้วิตามินเฉพาะบุคคล ที่มีแพทย์คอยปรับให้เหมาะสมกับแต่ละท่าน ขั้นตอนการตรวจ คือ การซักประวัติพฤติกรรมการใช้ชีวิตต่างๆ ซึ่งสามารถส่งผลกับร่างกายของเราได้ การรับประทานอาหาร หรือโรคประจำตัว และหลังจากนั้นแพทย์จะทำการประเมินว่าควรได้รับการตรวจอะไรเพิ่มเติม โดยจะเน้นที่การตรวจเชิงลึกและปรับการใช้ชีวิตให้ดีต่อร่างกาย โดยจะมีแพทย์คอยดูและและปรับวิถีชีวิตด้วยกันไปเรื่อยๆ

              ส่วนสมุยเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก และติดอันดับที่ 2 ประเภทเกาะที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากนิตยสารท่องเที่ยว Travel+Leisure ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผลสำรวจการนับคะแนนโหวตจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก รางวัลยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ประจำปี 2022 (Asia’s Best Awards 2022) และจากตัวเลขของนักท่องเที่ยวในปี 2019 เดินทางเข้าสมุยทางอากาศ เป็นจํานวน 2.5 ล้านคน มีเที่ยวบินประมาณ 60-70 เที่ยวบินต่อวัน ตัวเลขดังกล่าวบ่งบอกให้เห็นถึงศักยภาพและความสนใจของนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางเยือนเกาะสมุยอย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้นเสน่ห์ที่ดึงดูดความน่าสนใจและสร้างมนต์ขลังให้เกาะสมุยนั่นก็คือเกาะสมุยยังคงหลงเหลือความเป็นธรรมชาตินอกจากหาดทรายที่สวยงามยังมีเกาะแก่ง เช่น เกาะเต่า เกาะพงันรายล้อมมากมาย ธรรมชาติใต้น้ำที่ยังไม่ถูกทำลาย พร้อมด้วยวิถีชีวิตความเป็นท้องถิ่น ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ มีเสน่ห์ ให้ความสุขความเพลิดเพลินในด้านความสุขทางกายและจิตใจครบทุกมิติ ซึ่งเหมาะกับโมเดล Wellness Tourism ตอบโจทย์นักท่องเที่ยว กลุ่มไลฟ์สไตล์ที่หลงรักและชื่นชอบธรรมชาติ

               สมุยมีความพร้อมทางด้าน Wellness Tourism เป็นอย่างมาก ไม่แพ้จังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ โดยปฏิเสธไม่ได้ว่าธรรมชาติที่ยังคง งดงามเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวเลือกสมุยเป็นจุดหมายปลายทาง นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นจากความพร้อมของโรงพยาบาลกรุงเทพสมุย ซึ่งอยู่ในเครือข่ายกลุ่ม BDMS ที่เปิดให้บริการรองรับนักท่องเที่ยว ปัจจุบันให้บริการทั้งทางด้านการรักษาผู้ป่วยทั่วไปและคลินิกดูแลสุขภาพในส่วน Wellness ดังนั้น เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมแล้วสำหรับการเป็นหนึ่งใน Destination ขานรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอย่างแท้จริง

                       จุดหมายแห่งการปรับสมดุลสุขภาพและการพักผ่อน BDMS Wellness Clinic Retreat @ Celes Samui เชิญทุกท่านมาเปิดประสบการณ์ในการปรับสมดุลแล้วพักผ่อนอย่างมีไลฟ์สไตล์ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 077-900-999 หรือ  www.celesresorts.com

  

วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

จังหวัดแพร่ จัดกิจกรรม "คนเมืองแป้ ฮ่วมใจ ฟ้อนปูจาองค์พระธาตุช่อแฮ" อย่างยิ่งใหญ่ เตรียมพร้อมช่างฟ้อนกว่า 1,720 คน

จังหวัดแพร่ จัดกิจกรรม "คนเมืองแป้ ฮ่วมใจ

ฟ้อนปูจาองค์พระธาตุช่อแฮ" อย่างยิ่งใหญ่

เตรียมพร้อมช่างฟ้อนกว่า 1,720 คน

นายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวว่า จังหวัดแพร่ได้เตรียม ช่างฟ้อน จำนวน 1,720 คน เพื่อฟ้อนในกิจกรรม "คนเมืองแป้​ ฮ่วมใจ๋ฟ้อนปูจาองค์พระธาตุช่อแฮ​" ในงานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ​ วิถีถิ่น​ วิถีไทย​เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว​ "ม่วนอ๊ก​ ม่วนใจ๋​เที่ยวไทยเมืองเหนือ​ งามเหลือชาติพันธุ์​ นมัสการพระธาตุช่อแฮ" ซึ่งจะมีขึ้นในวันอาทิตย์​ที่​ 24 กรกฎาคม​ 2565 ณ​วัดพระธาตุช่อแฮ​ พระอารามหลวง​ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่

โดยมีหน่วยงาน/สมาคม อำเภอ โรงเรียนแจ้งจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมแล้วทั้งสิ้น  1,720 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 16 กรกฎาคม 2565 ) ประกอบด้วย หน่วยงาน/สมาคม รวม 262 คน ได้แก่ สำนักงานคลังจังหวัดแพร่ 6 คน สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดแพร่ 2 คน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดแพร่ 1 คน อบจ.แพร่ 30 คน เทศบาลเมืองแพร่ 50 คน สมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิง 12 คน สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแพร่ 6 คน สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.แพร่ 1 คน สำนักงานประกันสังคมจังหวัดแพร่ 1 คน กลุ่มสตรีบ้านถิ่น/โปงศรี 30 คน หัวหน้าส่วนราชการอำเภอเด่นชัย 15 คน สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ 5 คน มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยวิทยาเขตแพร่ และบ้านนาแหลม 20 คน สำนักงานสถิติจังหวัดแพร่ 1 คน คณะศรัทธาบ้านพระธาตุช่อแฮ 80 คน สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่ 1 คน  สวท. แพร่ 1 คน

         นอกจากนี้ยังมีจากอำเภอต่างๆ รวม 890 คน ได้แก่ อำเภอเมืองแพร่ 330 คน อำเภอสูงเม่น 200 คน อำเภอสอง 40 คน อำเภอวังชิ้น 30 คน อำเภอลอง 40 อำเภอเด่นชัย 50 คน อำเภอหนองม่วงไข่ 100 คน อำเภอร้องกวาง 100 โรงเรียนต่างๆ เข้าร่วม รวม 568 คน ได้แก่ โรงเรียนบ้านป่าแดง 12 คน โรงเรียนวังเลียง 10 คน โรงเรียนบ้านไร่หลวง 22 คน โรงเรียนร้องกวางอนุสรณ์ 50 คน โรงเรียนม่วงไข่พิทยาคม 20 คนโรงเรียนนารีรัตน์จังหวัดแพร่ 100 คน โรงเรียนพิริยาลัย จังหวัดแพร่ 100 คน โรงเรียนเมืองแพร่ 100 คน โรงเรียนสูงเม่นชนูปถัมภ์ 120 คน โรงเรียนถิ่นโอภาส 20 คน โรงเรียนบ้านกาศประชานุเคราะห์ 14 คน

          ทั้งนี้จะได้มีการรวมกลุ่มทำการฝึกซ้อมให้เกิดความพร้อมเพรียง สวยงาม และเรียบร้อย ซึ่งเป็นการฟ้อนที่ยิ่งใหญ่อีกกิจกรรมหนึ่ง จึงขอเชิญชวนประชาชนตลอดจนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมขบวนฟ้อนของจังหวัดแพร่ในครั้งนี้

 

วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

จ.แพร่ ดันลงปฏิทินระดับประเทศกับงานมหกรรมวิถีถิ่น วิถีไทย​ และงานสมโภชพระบรมธาตุช่อเเฮ 24-28 กรกฎาคม 2565 นี้

จ.แพร่ ดันลงปฏิทินระดับประเทศกับงานมหกรรมวิถีถิ่น วิถีไทย​ และงานสมโภชพระบรมธาตุช่อเเฮ 24-28 กรกฎาคม 2565 นี้

         กระทรวงวัฒนธรรม จังหวัดแพร่ ร่วมกับวัดพระธาตุช่อแฮ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดแถลงข่าวการจัด "งานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ​ วิถีถิ่น​ วิถีไทย" ​ และ "พิธีสมโภชพระบรมธาตุช่อแฮ​ 16​ ปี​ พระอารามหลวง"

                 นายสมหวัง​ พ่วงบางโพ​ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่​ ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน​มหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ​ วิถีถิ่น​ วิถีไทย​ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว​ "ม่วนอ๊ก​ ม่วนใจ๋​ เที่ยวไทยเมืองเหนือ​ งามเหลือชาติพันธุ์​ นมัสการพระธาตุช่อแฮ" ระหว่างวันที่​ 24-26​ กรกฎาคม​ 2565​ และพิธีสมโภชพระธาตุช่อแฮหลังการบูรณะปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุช่อแฮ​ 16​ ปี​ พระอารามหลวง​ เจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์​ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว​ ในวันที่​ 28 กรกฎาคม​ 2565  โดยมี พระโกศัยเจติยารักษ์ รองเจ้าคณะจังหวัดแพร่ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุช่อแฮ นายประสพ เรียงเงิน หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม นายอนันต์ สีแดง ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวปห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแพร่  สิบเอกหญิงกรวรรณ สุ่มมาตย์ วัฒนธรรมจังหวัดแพร่ ณ​ วัดพระธาตุช่อแฮพระอารามหลวง​ ตำบลช่อแฮ​ อำเภอเมืองแพร่​ จังหวัดแพร่ เมื่อวันอังคารที่​ 12 กรกฎาคม​ พ.ศ.​ 2565

ททท.สำนักงานพร่ จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวมาเสริมบุญบารมีในปีขาลนี้

ลิ้งค์ไลฟ์สด​ :

https://www.facebook.com/Watphrathatchohae/videos/621440709070640/

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย” มอบทุนการศึกษาระดับชั้นประถมแก่เยาวชนที่ประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ประจำปี 2565

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย” มอบทุนการศึกษาระดับชั้นประถมแก่เยาวชนที่ประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ประจำปี 2565

                 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ รองประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ และคณะกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมในพิธีมอบทุนการศึกษาแก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี 2565 จำนวน 1,500 ทุนๆ ละ 2,000 บาท เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3,000,000 บาท (สามล้านบาทถ้วน)  เพื่อให้เยาวชนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมโดยไม่ต้องละทิ้งหรือยุติการศึกษาลงเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ เติมเต็มความมุ่งหวังในชีวิต เติบโตพร้อมมีวิชาความรู้ สร้างอนาคตของตนเองและครอบครัว เป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19  โดยมีเยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นตัวแทนรับมอบ ณ ห้องประชุมชั้น 2  อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 4 กรกฎคม 2565

                 นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กล่าวว่า การมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษาเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของมูลนิธิฯ  โดยมีการมอบทุนการศึกษาทั้งในระดับชั้นประถมศึกษา ทุนการศึกษาต่อเนื่องในทุกระดับชั้น ทุนการศึกษาทุกระดับชั้นปีสุดท้าย และทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร โดยในเดือนตุลาคมนี้ มูลนิธิฯ กำหนดมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษาชั้นปีสุดท้ายของทุกระดับการศึกษา และทุนการศึกษาต่อเนื่องทุกระดับชั้น ทั้งในกรุงเทพฯ และในส่วนภูมิภาค รวมงบประมาณการจัดสรรทุนฯ ในปีการศึกษา 2565 แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษาทั่วประเทศเป็นจำนวนเงินกว่า 20 ล้านบาท



                 ตลอดระยะเวลากว่า 112 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา   เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงการพัฒนาด้านการศึกษา เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”



                ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

#ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##

#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

การเคหะแห่งชาติหนุนกรุงเทพมหานคร แก้ปัญหาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้คนกรุงเทพฯ

การเคหะแห่งชาติหนุนกรุงเทพมหานคร

แก้ปัญหาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ 

และเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้คนกรุงเทพฯ


              นายทวีพงษ์  วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ให้การต้อนรับ นายชัชชาติ  สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อประชุมหารือแนวทางความร่วมมือในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของกรุงเทพมหานคร โดยมีคณะผู้บริหารการเคหะแห่งชาติ คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ณ ห้องประชุมชั้น 15 อาคาร 1 สำนักงานใหญ่การเคหะแห่งชาติ ถนนนวมินทร์ เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ

 
               นายชัชชาติ  สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) ต้องการจะบูรณาการความร่วมมือกับการเคหะแห่งชาติในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ อาทิ การจัดหาที่พักอาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง การแก้ปัญหาคนไร้บ้านให้มีที่พักอาศัยใกล้กับสถานที่ทำงาน ความร่วมมือและประสานงานกับองค์กรต่าง ๆ เรื่องบ้านมั่นคง รวมถึงการแก้ปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะของประชาชน ซึ่งทุกปัญหาเป็นนโยบายที่ กทม.ต้องดำเนินการโดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน นอกจากนี้ ต้องการผลักดันนโยบาย “กรุงเทพฯ 15 นาที” เพื่อกระจายสวนและพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนเข้าถึงได้ด้วยการเดินภายใน 15 นาที หรือประมาณ 800 เมตร  หากการเคหะแห่งชาติมีที่ดินอยู่ในชุมชนต่าง ๆ หรือสถานที่รกร้างว่างเปล่าไม่ได้ใช้ประโยชน์ กทม.พร้อมที่จะเข้าไปปรับปรุงพัฒนาเป็นสวนสาธารณะ หรือลานกีฬาใกล้บ้าน และครอบคลุมไปถึงความร่วมมือในการให้ กทม.เข้าไปแก้ปัญหาน้ำท่วมในชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อนและร้องเรียนเข้ามา เพื่อปรับปรุงระบบท่อระบายน้ำหรือเข้าไปขุดลอกท่อในชุมชน ซึ่งบางพื้นที่เป็นที่ดินของการเคหะแห่งชาติ รวมถึงโครงการปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้นของ กทม. ขณะนี้
มีผู้เข้าร่วมโครงการปลูกต้นไม้แล้วกว่า 1,300,000 ต้น จึงขอความร่วมมือจากการเคหะแห่งชาติในการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวในชุมชนของการเคหะแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่าง กทม.กับการเคหะแห่งชาติอีกด้วย


                  ด้าน นายทวีพงษ์  วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวถึงการประชุมหารือในครั้งนี้ว่า การเคหะแห่งชาติมีความยินดีที่จะให้การสนับสนุน กทม.ในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยให้กับชาวกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มเปราะบาง และกลุ่มคนไร้บ้านให้มีที่พักอาศัย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายจุติ  ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งนี้ การเคหะแห่งชาติได้จัดตั้งบริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับกลุ่มเป้าหมายได้เร็วขึ้น ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณของภาครัฐ สามารถดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัยร่วมกับ กทม.ได้

 
                 ปัจจุบันการเคหะแห่งชาติได้เตรียมความพร้อมเรื่อง PPP เพื่อเปิดโอกาสให้เอกชนและ บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) จัดสร้างโครงการบ้านเคหะสุขประชา “บ้านเช่าพร้อมอาชีพ” เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางได้มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง และมีอาชีพ มีรายได้เลี้ยงครอบครัวตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ขณะนี้จัดทำโครงการนำร่อง 2 โครงการ รวมทั้งสิ้น 572 หน่วย ได้แก่ โครงการบ้านเคหะสุขประชาร่มเกล้า จำนวน 270 หน่วย และโครงการบ้านเคหะสุขประชาฉลองกรุง จำนวน 302 หน่วย


                 นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า (TOD) ซึ่งจะดำเนินการในพื้นที่ร่มเกล้าและคลองจั่น (ริมบึง) จำนวน 15,000 หน่วย เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยและผู้ที่จบการศึกษาใหม่สามารถเดินทางไปทำงานได้สะดวก ใกล้แหล่งงาน รวมถึงโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยเดิมและผู้อยู่อาศัยใหม่ จำนวน 20,292 หน่วย ซึ่งโครงการเหล่านี้สามารถตอบโจทย์นโยบายด้านที่อยู่อาศัยของ กทม.ได้เป็นอย่างดี


                  นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการขับเคลื่อนนโยบาย “กรุงเทพฯ 15 นาที” และการปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้น ของ กทม. การเคหะแห่งชาติมีพื้นที่ว่างในชุมชนหลายแห่งที่พร้อมจะให้ กทม.เข้าไปปรับปรุงพัฒนาเป็นสวนสาธารณะเพิ่มพื้นที่สีเขียวในชุมชน เพื่อประโยชน์ของชาวกรุงเทพฯ จะได้มีสุขภาพแข็งแรง และมีสิ่งแวดล้อมที่ดี รวมทั้งมีความยินดีที่ กทม.จะเข้ามาปรับปรุงระบบท่อระบายน้ำหรือเข้าไปขุดลอกท่อในชุมชน เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในชุมชนของการเคหะแห่งชาติ ซึ่งทั้งสองหน่วยงานจะต้องหาแนวทางการทำงานร่วมกันต่อไป

มูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ในพระราชูปถัมภ์ฯ จัดงาน “วันหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก” ครั้งที่ 36

มูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ในพระราชูปถัมภ์ฯ จัดงาน “วันหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก” ครั้งที่ 36 งานสร้างเสริมคนดีมีคุณธร...