วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2565

เที่ยวSamyan Smart City สามย่านมิติใหม่ สู่ชุมชนคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

เที่ยวSamyan Smart City ามย่านมิติใหม่ 

สู่ชุมชนคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ว่าจะเป็นสภาวะโลกร้อน ก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งมลภาวะที่เป็นพิษ และอีกหลายอย่างมากมาย ทำให้ประเทต่างๆ ทั่วโลกหันมาใส่ใจกับการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยนำนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้

ทาง PMCU ก็มีจุดหมายเช่นเดียวกัน จึงเดินหน้ามุ่งมั่นพัฒนาย่านสามย่าน สู่  Samyan Smart City นวัตกรรมสร้างสรรค์คุณค่า เพื่อประโยชน์สูงสุดในการดำรงชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

วันเดียวเที่ยว ชิล ชิล ย่านสามย่านลุคใหม่ ที่เปลี่ยนแปลงสู้ความล้ำสมัยเป็น Samyan Smart City ชุมชนนวัตกรรมที่เป็นเลิศแบบสมาร์ทๆ  วันเดียวครบจบในที่เดียว เพลิดเพลินกับแหล่งอาร์ต และอิ่มอร่อยกับอาหารเมนูเลืศรสร้านระดับตำนาน พร้อมชมนวัตรกรรม Smart City ต่างในพื้นที่ทั้ง Mobility, Solar ,EV Charging และชมงานศิลปะที่ Art4ศูนย์ศิลปะเพื่อชุมชน โดยคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบายมีให้เลือกที่หลากหลาย ทั้งรถไฟฟ้า BTS สถานีสนามกีฬาฯ รถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีสามย่าน และรถโดยสารประจำทาง รวมไปถึงรถส่วนตัวก็มาได้ไม่ยาก

โครงการสามย่านสมาร์ทซิตี้ มีการจัดระบบการเดินทางอัฉริยะ “Smart Mobility ในพื้นที่ เพื่อทำกิจกรรมในแต่ละวัน PMCU ให้ความสำคัญของการพัฒนาการเดินทางในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จึงได้สนับสนุนเทคโนโลยีการเดินทางใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้เดินทางให้เข้าถึงทุกพื้นที่ด้วยการเดินทางที่หลากหลาย ลดรอยต่อกับระบบขนส่งมวลชนหลัก (Seamless Transportation) และรองรับการเดินทางช่วงระยะเริ่มต้นและระยะสุดท้าย (First&Last Mile) การเดินทางแบบแบ่งปันกันใช้ (Sharing Vehicles) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการเดินทางในพื้นที่ประกอบด้วย โครงการพัฒนาระบบโครงข่ายขนส่งสาธารณะครอบคลุมพื้นที่ สามารถเข้าถึงการเดินทางด้วยพลังงานสะอาดและแบ่งปันกัน (Mobility) อาทิ รถตุ๊กๆ พลังงานไฟฟ้า , Bike Charing, Haup Car , CU Pop Bus  และ เตรียมพบกับ E-Scooter เร็วๆ นี้ นอกจากนี้ยังติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV CHARGING STATION) ครอบคลุมทุกพื้นที่


วันนี้ (วันที่ 18 สิงหาคม 2565) เราเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS มาลงสถานีสนามกีฬาฯแห่งชาติ แล้วนั่งรถตุ๊ก ตุ๊กๆ พลังงานไฟฟ้า ไปที่หมายต่างๆ แบบชิล ชิล โดยเริ่มจาก Art ศูนย์ศิลปะเพื่อชุมชน บริเวณตีนสะพานข้ามแยกสามย่าน  ถนนพระราม 4 อยู่ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดิน MTR สถานีสามย่าน อาคารเก่าแกที่ทางคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดทำเป็นโครงการสร้างสรรค์กิจกรรม เป็นพื้นที่งานบริการวิชาการทางศิลปะและวัฒนธรรมแก่สังคมภายใต้นโยบายของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อชุมชนและกลุ่มคนโดยรอบมหาวิทยาลัย ได้แสดงผลงานโครงการเพื่อพัฒนาและฝึกทักษะของนิสิตทำงานกับชุมชนและสาธารณะได้จริง โดยชั้นที่ 1 จะเป็นพื้นที่แสดงนิทรรศการงานศิลปะ บอกเล่าเรื่องราวที่เป็นความทรงจำที่น่าจดจำ เป็นสถานที่ที่เปิดให้ผลงานได้รับการชื่นชมและถูกรับฟัง เป็นโครงการโดยนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้ AIESEC CU โดยผลงานที่นำมาจัดแสดง คือผลงานที่ถูกส่งมาร่วมโครงการ และคัดเลือกโดยคณะกรรมการผู้มีความรู้ทางจิตวิเคราะห์และจิตวิทยาผสานกับศิลปะเป็นอย่างดี ส่วนกิจกรรมภายในงานนั้น ทุกท่านสามารถร่วมสร้างผลงานคอลลาจภายใต้ธีม ‘What’s your In the mo(me)nt’ ทำกิจกรรม Workshop ได้ด้วยตนเอง ระบายสีปูนปลาสเตอร์ย้อนวัยเด็ก ปลดปล่อยความรู้สึก 4 อารมณ์ผ่านตัวหนังสือและโพสท์อิท ร่วมถ่ายรูปกับคอนเซ็ป ‘Moving and Butterflies’ และร่วมกิจกรรมหมุนวงล้อลุ้นรับรางวัล ทางชมรม AIESEC จุฬา จึงอยากเชิญชวนทุกท่านมาร่วมงาน Artspect Week ‘พื้นที่ปลอดภัย’ ที่ทุกท่านสามารถเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ ภายใต้หัวข้อ ‘In the mo(me)nt’เข้าร่วมนิทรรศการได้ฟรี ไม่มีค่าใช่จ่าย และไม่จำเป็นต้องลงทะเบียน


หลังจากทำกิจกรรมแล้ว อยากผ่อนคลาย ที่ชั้น 1 นี้ก็มีร้าน Bitescape ไว้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ ทานเครื่องดื่มอาหารอย่างสบายอารมณ์ โดยมีเครื่องดื่มไว้บริการ โดยเฉพาะกาแฟก็มีให้เลือกมากมายทั้งรสเข้ม กลมกล่อม แต่ที่อยากแนะนำก็คือ กาแฟมะพร้าวน้ำหอม” หอมสดชื่นคลายง่วงจากน้ำมะพร้าวแท้ๆ เสริฟพร้อมของว่างไม่ว่าจะเป็น พายกรอบไส้กรอกอีสานซอสชิงโชยุ เค้กฟองน้ำล้างจาน ที่มองดูแล้วคล้ายฟองน้ำล้างจานจริงๆ แต่รสชาติอร่อยมาก ฟิชฟิงเกอร์+เฟรนช์ฟรายส์ โทสต์หมากรุก กุ้งทอดครีมสลัดแซ่บ และผลไม้รวมมิตร แต่ถ้าอยากทานอาหารที่นี่ก็มี ข้าวคลุกมันเนื้อไทยวากิว ข้าวสตูว์ไก่ ข้าวหมูเกาหลีบลูโกกิ ซีซาร์สลัด นักเก็ต+เฟรนซ์ฟรายส์ หมั่นโถวทูน่า แฮชบราวน์ทรัฟเฟิลซอส และข้าวคั่วกลิ้งไก่ไข่ออนเซ็น ให้เลือกทานตามใจชอบ



หลังลองทานกาแฟมะพร้าวน้ำหอม กับพายกรอบไส้กรอกอีสานซอสชิงโชยุ เค้กฟองน้ำล้างจาน แล้วก็เดินขึ้นไปที่ห้อง Gallery and Creative Learning Space ชั้น 3 โดยวันนี้เป็นการจัดแสดงนิทรรศการ “Colorful of BD(SM)" เป็นงานนิทรรศการธีสิสน้องๆ จากทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงถึงสีสันพันธนาการ โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างการรับรู้เรื่องบทบาทความสัมพันธ์ของผู้พันธการและผู้ควบคุมวินัย (Bondage and Discipline) ผ่านการใช้สี Colorful ประกอบการให้ข้อมูลความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับรสนิยมทางเพศ BDSM เนื่องจากสีแต่ละสีมีความหมายภายในตนเอง และสามารถสร้างการรับรู้ รวมถึงสะท้อนระดับความรุนแรงของพันธนาการและผู้ควบคุมวินัย (Bondage and Discipline) ในรสนิยมทางเพศ (BDSM) เกี่ยวกับเรื่องความเข้าใจให้กับผู้คนได้ที่สามารถนำมาเพื่อทำให้เกิดภาพลักษณ์และมุมมองของความรุนแรงในรสนิยมทางเพศ (BDSM) ที่ดูมีความนุ่มนวลลงจากเดิม ให้รู้สึกถึงความน่ากลัวและความรุนแรงน้อยลง โดยใช้ทฤษฎีสีคู่ตรงข้ามมาสร้างสรรค์ในงาน อันแสดงให้เห็นถึงบทบาทของพันธนาการและผู้ควบคุมวินัย (Bondage and Discipline) ในรูปแบบนายกับบ่าว รวมถึงเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงเรื่องราวของรสนิยมทางเพศ BDSM และมีการรับรู้ต่อมุมมอง ทัศนคติที่มีต่อรสนิยมทางเพศดังกล่าวได้มากขึ้น นิทรรศการ Colorful of BD(SM) นี้จะมีไปจนถึงวันที่ 23 สิงหาคม 2565



ส่วนที่ Gallery and Creative Learning Space ชั้น 2 จัดแสดงนิทรรศการ “Climate is Oka" โดย ดร.ไพลิน ถาวรวิจิตร ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว เป็นงานวิจัยที่ผสมผสานเทคนิคงานวาดมือเข้ากับการทำ Motion graphic และ ภาพเสมือนจริง (AR) ศิลปินในฐานะนักวิจัยพยายามค้นหาความสัมพันธ์ของพื้นที่ป่าและพื้นที่เมือง ความแตกต่างขององค์ประกอบสภาพแวดล้อม ผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อสภาพพื้นที่ การกัดกร่อน แห้งแล้ง โดดเดี่ยวของพื้นที่สีเขียวที่ค่อยๆหมดไป ผ่านผลงานวาดอันเปลี่ยวเหงา สะท้อนโลกที่กำลังค่อย ๆ ล่มสลายจากภาวะโลกร้อน ผู้ชมจะได้บรรยากาศดำดิ่งของความเงียบงัน ทว่าบางครั้งกลับคุกรุ่น กัดกินจิตใจ สร้างอารมณ์ที่แปรปรวนดั่งสภาพอากาศ ตั้งคำถามต่อโลกใบนี้ การปกป้องหรือการทำลายผ่านงานทุกชิ้นอย่างแยบยล



ชมนิทรรศการงานศิลปะจนซึมซับ ก็เดินไปที่โครงการ Block 28 ที่มีความโมเดิลทันสมัยและลานจอดรถตลาดสามย่าน เพื่อชมสถานีชาร์จรถไฟฟ้าและสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอร์รี่สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ซึ่งถือว่าเป็นการประหยัดพลังงาน “EV Policy”  ตามแนวคิดด้าน Smart Energy ที่ PMCU ได้ดำเนินโครงการสามย่านสมาร์ทซิตี้ ให้สอดคล้องกับภาครัฐที่มีเป้าหมายเพื่อให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (net-zero) โดยมีนโยบายส่งเสริมการใช้ Non-fuel Vehicle เพื่อลดการปลอ่ยมลพิษจากยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 และมลภาวะทางอากาศภายในพื้นที่ ตลอดจนการสนับสนุนให้มีโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยรองรับและส่งเสริมให้ใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) ในพื้นที่มากขึ้น โดยทาง PMCU มีนโยบายต่างๆ ประกอบด้วย การเปลี่ยนรถโดยสารภายในพื้นที่ให้ใช้พลังงานไฟฟ้า 100%การส่งเสริมการเดินทางระบบ Sharing ด้วยพลังงานสะอาดการเพิ่มจำนวนสถานชาร์จรถไฟฟ้า 200 หัวจ่าย ภายในปี พ.ศ.2567 และตอนนี้จุฬาฯ เริ่มทยอยเปลี่ยนรถยนต์หน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยเป็น EV โดยตั้งเป้าครบ 100% ภายในปี พ.ศ.2567 พร้อมด้วยการมอบส่วนลดค่าจอดรถรายเดือนสำหรับผู้ใช้รถยนต์ประเภท Pure Electric Vihicle (PEV) รวมทั้งเพิ่มสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอร์รี่สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า



พร้อมชมการใช้พลังงานสะอาด Solar Roof ในโครงการ “ PMCU Solar Carpark” ซึ่งเป็นต้นแบบสมาร์ทคอมมูนิตี้ใช้พลังงานสะอาด ลดต้นทุน รักษาสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมคุณภาพชีวิตเมืองน่าอยู่ โดยได้ปรับปรุงพื้นที่ลานจอดรถเพื่อการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นการบริหารการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยร่วมกับหลายหน่วยงาน



ปิดท้ายด้วยการแวะตลาดสามย่าน ตลาดสดที่มีการปรับปรุงให้มีความทันสมัย ที่ยังคงเอกลักษณ์ที่เป็นตำนานความเป็นตลาดสดที่มีชื่อเสียงไว้ เป็นตัวอย่างในฐานะตลาดที่ดีตอบสนองชุมชนโดยรอบได้ครบถ้วนมายาวนาน โดดเด่นด้วยมาตรฐานด้านคุณภาพ ความปลอดภัย ความสะอาด และสุขลักษณะที่ดี รวมถึงรักษาวิถีชีวิตของชุมชน บริเวณใกล้เคียงที่เป็นความผูกพันของนิสิตและประชาคมโดยรอบให้คงอยู่  โดยชั้นล่างจำหน่ายพืช ผัก ผลไม้ อาหารทะเล  และเครื่องปรุงที่ใช้ประกอบอาหารหลากหลาย ส่วนบนชั้น 2 เป็นศูนย์อาหารที่รวบรวมร้านอาหารเก่าแก่ และเป็นที่นิยมในหมู่นิสิต นักศึกษา และคนในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารชื่อดังอย่าง สะเต็กอ้วนผอม,  ทูเดย์สะเต็ก, ร้านอาหารทะเล ร้านปิ้งย่างอย่าง ย่างเนย และร้านอาหารอื่นๆ อีกมายมาย

การเดินทางท่องเที่ยวในวันนี้ก็จบลงอย่างสนุกสนาน เพลิดเพลิน ทั้งได้เยี่ยมชมโครงการนวัตรกรรมของSAMYAN SMART CITY  ต่างๆ และเพลิดเพลินกับแหล่งศิลปะเพื่อชุมชน รวมถึงตลาดสามย่านที่เป็นตำนาน วันนี้ถือว่าคุ้มค่าคุ้มเวลา มาที่เดียวครบจบ

ท่านที่สนใจเที่ยวสามย่านมิติใหม่ @ Samyan Smart City สามารถชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.pmcu.co.th

 

วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2565

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ให้การต้อนรับ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมครอบครัว เข้าสักการะหลวงปู่ไต้ฮง พร้อมเยี่ยมชมหอประวัติมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และมอบเงินบริจาค จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อร่วมสมทบทุนก่อสร้างศาลเจ้าไต้ฮงกง (สาทร)

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ให้การต้อนรับ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมครอบครัว เข้าสักการะหลวงปู่ไต้ฮง  พร้อมเยี่ยมชมหอประวัติมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และมอบเงินบริจาค จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อร่วมสมทบทุนก่อสร้างศาลเจ้าไต้ฮงกง (สาทร)

             มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ พร้อมด้วย ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ รองประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ และนายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ ให้การต้อนรับ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมครอบครัว เข้าสักการะหลวงปู่ไต้ฮง  พร้อมเยี่ยมชมหอประวัติมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และมอบเงินบริจาค ในนาม บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด คุณธนินท์ – คุณหญิงเทวี เจียรวนนท์ จำนวน 20,000,000 บาท (ยี่สิบล้านบาทถ้วน) เพื่อร่วมสมทบทุนสร้างศาลเจ้าไต้ฮงกง (สาทร) ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2565

 

         ศาลเจ้าไต้ฮงกง (สาทร)  มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีมติก่อสร้างขึ้น เนื่องในโอกาสครบรอบการก่อตั้งมูลนิธิฯ ครบ 110 ปี  เพื่อเป็นพุทธสถานที่ประดิษฐานองค์ไต้ฮงกงหยกขาวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมถึงเป็นสถานที่สำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ทั้งด้านกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมเพื่อสังคม โดยสามารถรองรับสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาที่ต้องการกราบไหว้บูชาองค์ไต้ฮงกงซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี เนื่องจากศาลเจ้าไต้ฮงกงในปัจจุบันมีเนื้อที่ค่อนข้างคับแคบ และไม่สามารถขยายพื้นที่เพื่อรองรับสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาและผู้ที่มาร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่มีจำนวนมากขึ้นเป็นประจำทุกปีได้ โดย “ศาลเจ้าไต้ฮงกง (สาทร)” ก่อสร้าง ณ บริเวณด้านหลังของสวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ถนนเจริญราษฎร์ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ

         มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จึงขอเชิญชวนทุกท่าน ร่วมบุญก่อสร้าง ศาลเจ้าไต้ฮงกง (สาทร) ถนนเจริญราษฎร์ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ตามแต่กำลังศรัทธา เพื่อร่วมกันจรรโลงศาลเจ้าไต้ฮงกงแห่งใหม่นี้ ให้เป็นพุทธสถานอีกแห่งหนึ่ง โดยท่านสามารถร่วมทำบุญได้ที่ บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาพลับพลาไชย เลขที่ 001-472515-4  ชื่อบัญชี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง หรือ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 0 2225 0020 ต่อ 366

ข้อมูลเกี่ยวกับ ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย

พลังศรัทธาองค์หลวงปู่ไต้ฮงในประเทศไทย มีจุดเริ่มต้นจากเมื่อปี พ.ศ.2439 นายเบ๊ยุ่น ได้อัญเชิญรูปจำลองหลวงปู่ไต้ฮงจากอำเภอเตี้ยเอี้ย มายังประเทศไทย ประดิษฐานอยู่ที่ร้านกระจกย่านวัดเลียบ ผู้คนเมื่อทราบต่างก็พากันมาสักการบูชาที่จำนวนมาก จนต้องย้ายไปประดิษฐานที่ซอยดอนกุศล ถนนเจริญกรุง  ช่วงนั้นเกิดโรคระบาดประชาชนต่างมากราบไหว้หลวงปู่ เพื่อช่วยให้คุ้มครองปลอดภัยและหายจากโรค ทำให้เกิดความศรัทธา บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากและจัดการเก็บศพอนาถาไปฝัง ต่อมาในปี 2452-2453 พระอนุวัตน์ราชนิยม (ฮง เตชะวณิช) ได้ร่วมกับพ่อค้าคหบดี รวม 12 ท่าน ได้เห็นความสำคัญและประโยชน์แห่งกุศลเจตนาของผู้เลื่อมใสศรัทธาหลวงปู่ไต้ฮง จึงจัดตั้งคณะเก็บศพไต้ฮงกงขึ้น พร้อมสร้างศาลเจ้าไต้ฮงกงขึ้นที่บริเวณถนนพลับพลาไชย เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ เพื่อประดิษฐานองค์หลวงปู่ไต้ฮง  เมื่อศาลเจ้าไต้ฮงกงสร้างเสร็จสมบูรณ์ ได้อัญเชิญรูปจำลองของหลวงปู่ที่นายเบ๊ยุ่น คหบดีนำมาจากประเทศจีนมาประดิษฐานไว้ที่ศาลเจ้าไต้ฮงกงเป็นการถาวร  โดยศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ปัจจุบัน ตั้งอยู่ที่ 326 ถนนเจ้าคำรพ แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบฯ กรุงเทพฯ 10100

ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

#ป่อเต็กตึ๊ง ยึดมั่นอุดมการณ์ อยู่เคียงข้างทุกวิกฤต

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง110ปีความดีที่ยั่งยืน

#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน 

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ต้อนรับ ”วันแม่” ด้วยนมแพะมีญ่า มิลค์ โกท มิลค์ (MIA’ MILK GOAT MILK)

ต้อนรับ ”วันแม่” ด้วยนมแพะมีญ่า มิลค์ โกท มิลค์ (MIA’ MILK GOAT MILK)

                  คำว่า “แม่”ยิ่งใหญ่ นมแพะ มีญ่ามิลค์โกทมิลค์ ขอตอบแทนคำว่า รักแม่ จึงร่วมรณรงค์ให้ทุกท่านบอกรักแม่ และมอบสิ่งที่ดีๆ สำหรับคุณแม่และคนที่ท่านรักด้วยนมเพื่อสุขภาพ ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนการ หอมอร่อย ดื่มง่าย รสชาติกลมกล่อม อุดมไปด้วยสารอาหาร มีแคลเซียม มีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง มีวิตามินบี2 มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทตามปกติ มีโปรตีน จำเป็นต่อการเจริญเติบโต และช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย มาร่วมรักแม่ไปด้วยกัน

สนใจตอบถามที่ facebook MIA’ Milk – Goat Milk หรือ Golden Place โทร.086-351-7729 มอบส่วนลดให้ทุกท่านตั้งแต่วันนี้-31 สิงหาคม 2565

MIA’ Milk – Goat Milk #ผู้แพ้นม#บอกรักแม่

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2565

เริ่มแล้ว .. มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2565 จัดทีมนำข้าวสารพร้อมเครื่องอุปโภคลงพื้นที่แจกจ่ายให้กับผู้ขาดแคลน จังหวัดนครราชสีมา .

เริ่มแล้ว .. มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2565 จัดทีมนำข้าวสารพร้อมเครื่องอุปโภคลงพื้นที่แจกจ่ายให้กับผู้ขาดแคลน จังหวัดนครราชสีมา

                 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ มอบหมายให้ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จัดทีมเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร นำโดย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ รักษาการหัวหน้าแผนกสาธารณภัย พร้อมด้วย นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย รักษาการหัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ  ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา แจกจ่ายชุดข้าวสารพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง  น้ำมันพืช  น้ำปลา  บรรจุกระเป๋าผ้าดิบมูลนิธิฯ แก่ผู้ขาดแคลนในพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอสูงเนิน อำเภอปากช่อง และอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา รวม 4 อำเภอ ชุดข้าวสารจำนวน 2,000 ชุด รวมงบประมาณทั้งสิ้น 700,000 บาท (เจ็ดแสนบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนหน่วยงานรัฐ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย สมาคม/มูลนิธิแต่ละจังหวัด เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี รวมทั้งนายสัญญา พรนารายณ์  นายสดใส รุ่งโพธิ์ทอง นายสิริพงศ์ สุขสมนาค (กิ๊ฟ โคกคูน) อาสาสมัครศิลปินมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี เมือวันจันทร์ 8 สิงหาคม 2565


                      และในช่วงกลางเดือนสิงหาคม - เดือนกันยายน 2565 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กำหนดลงพื้นที่แจกจ่ายชุดข้าวสารพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ขาดแคลนในพื้นที่จังหวัดชลบุรี สมุทรสาคร และ 50 เขต กรุงเทพมหานคร เป็นลำดับต่อไป คิดมูลค่าดำเนินการงานแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2565 ไม่ต่ำกว่า 11.7 ล้านบา

                        มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญชวนประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมงานบุญมหากุศลประจำปี “ประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2565” ระหว่างวันที่ 8 กรกฎาคม - 24 สิงหาคม 2565 สักการะหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) เพื่อความเป็นสิริมงคล ทำบุญชุดข้าวสารให้ผู้ล่วงลับ ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ  พร้อมกับสมทบทุนข้าวสารและเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อเป็นการทำทานให้ผู้ขาดแคลนต่อไ

            เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ที่ยังคงมีการแพร่ระบาดในขณะนี้ เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่ระบาด ในปีนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยังคงรูปแบบการทำบุญทิ้งกระจาดแบบลดการสัมผัส เป็นการบริจาคทรัพย์เพื่อสมทบทุนในการจัดซื้อชุดข้าวสาร อาหารแห้ง พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ โดยสามารถทำบุญได้ 3  ช่องทาง ดังนี้ 

1. ทำบุญชุดข้าวสาร ที่ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

(ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ขอความร่วมมือในการงดรับข้าวสาร หรือสิ่งของอื่นๆ เพื่อลดการสัมผัส)

2. ทำบุญชุดข้าวสารออนไลน์: ผ่านบัญชีมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง 

3. เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้  เพื่อลดความเสี่ยงและการเพิ่มมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาด มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จึงจัดให้มีช่องทางการร่วมทำบุญทิ้งกระจาดใหม่ ผ่านระบบออน

ไลน์ https://pttfny.net/newsh/ ในอีกทางหนึ่ง

ทั้งนี้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมติดตามงานประเพณีทิ้งกระจาดได้ที่่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  www.facebook.com/atpohtecktung

                       ประเพณีทิ้งกระจาด ถือได้ว่า เป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่ปฏิบัติสืบทอดมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยมูลนิธิฯ ได้ปฏิบัติสืบเนื่องมาทุกปีเป็นเวลาช้านานกว่า 80 ปี และคาดว่าจะเป็นมูลนิธิแห่งแรก ที่จัดงานทิ้งกระจาดอย่างเป็นทางการและเป็นกิจจะลักษณะ เพราะถือว่าเป็นประเพณีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เพื่อนมนุษย์ที่ล่วงลับไปแล้วทั้งที่เป็นญาติและไม่เป็นญาติพร้อมกับทำทานให้แก่ผู้ยากไร้ ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีผู้ใจบุญจะนำเครื่องเซ่นไหว้ เช่น ข้าวสารอาหารแห้ง และอื่น ๆ มากราบไหว้หลวงปู่ เพื่อทำบุญสะเดาะเคราะห์ ซึ่งมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจะรวบรวมไว้ไปสมทบกับสิ่งของที่จัดซื้อเพิ่มเติม เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ผู้ยากไร้ พร้อมนำมอบองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน

                        ตลอดระยะเวลากว่า 112 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา   เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงการพัฒนาด้านการศึกษา เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ Facebook Fanpage : www.facebook.com/atpohtecktung

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง110ปีความดีที่ยั่งยืน

#ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต

#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง 1418

โคลีเซี่ยม อินเตอร์กรุ๊ป’ ทำบุญอุทิศส่วนกุศล 9 ปีการจากไปของ 'คมน์ อรรฆเดช'

โคลีเซี่ยม อินเตอร์กรุ๊ป’ ทำบุญอุทิศส่วนกุศล 

9 ปีการจากไปของ 'คมน์ อรรฆเดช'

บริษัท โคลีเซี่ยม อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ได้จัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ คมน์ อรรฆเดช ผู้กำกับภาพยนตร์คนดังที่ล่วงลับไปครบ 9 ปี โดยในพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลในครั้งนี้ พรพิมล มั่นฤทัย  ประธานบริษัทโคลีเซี่ยม อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด และพนักงาน ร่วมด้วย ทองก้อน ศรีทับทิม ผู้กำกับละครคนดัง, จรัญ เมืองลพ โปรดิวเซอร์ละคร และศิลปินดารา ปราบต์ปฎล สุวรรณบาง ได้ร่วมทำบุญถวายภัตราหารเพล พระภิกษุสงฆ์ 9 รูป โดยกราบนิมนต์พระครูสังฆรักษ์บุญมี ยติโก เจ้าอาวาสวัดพุทโธภาวนา จังหวัดนนทบุรี เป็นเจ้าพิธี จากนั้น พรพิมล มั่นฤหัย และศิลปินดาราได้พร้อมใจถวายเงินจำนวนหนึ่งแด่พระครูสังฆรักษ์บุญมี ยติโก เจ้าอาวาสวัดพุทโธภาวนา จังหวัดนนทบุรี เพื่อนำไปบูรณะบำรุงวัด ที่บริษัท โคลีเซี่ยม อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2565

สำหรับ คมน์ อรรฆเดช มีชื่อเดิมว่า สมคิด กองเงินทอง (สมคิด เล่งอิ้ว) เกิดในปี พ.ศ. 2486 ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เรียนจบชั้นมัธยม โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษดิ์ ชีวิตโลดโผน ชอบการต่อสู้เคยเป็นนักมวยงานวัดใช้ชื่อ “กู้ศักดิ์ เลือดแปดริ้ว”, “สมคิด ลูกแปดริ้ว” ก่อนมาเรียนต่อ โรงเรียนพลตำรวจ จนจบและรับราชการเป็นพลตำรวจ ประจำสถานีตำรวจนครบาลสามเสน ได้ 3 ปี ก็มีเหตุให้ต้องลาออก

หลังสมัครทำงานให้กับองค์การสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEATO) จำรูญ หนวดจิ๋ม นำไปฝากกับชายชาญ กรรณสูต ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 จึงมีโอกาสรู้จักชาลี อินทรวิจิตร ที่กำลังหานักแสดงภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง “ปิง วัง ยม น่าน” จึงถูกเลือกให้รับบท “คมน์ คันสร” ขณะที่ ดามพ์ เผด็จดัสกร ได้บท “ดามพ์ ดัสกร”, โดม สิงห์โมฬี รับบท “โดม สิงห์โมฬี” แล ลักษณ์ กุลศิริวุฒิชัย รับบท “ลักษณ์ อภิชาติ” โดยชื่อนาม “เสือสี่แคว” จากนั้น คมน์ คันสร ก็ได้แสดงภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง “ลูกทาส”, “ป้อมเพชร”, “ทาสรักขุนรบ”, “พระอภัยมณี”, “มะกอกสามตะกร้า”, “ป่าสังคม”, “หมอผี” จนเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาทางจอแก้ว

ปี พ.ศ. 2514 ชาลี อินทรวิจิตร ประกาศสร้างภาพยนตร์เรื่อง “สวนสน” สมคิด เล่งอิ้ว ถูกเลือกมาร่วมแสดง จึงขอใช้ชื่อว่า “คมน์ อรรฆเดช” และมีผลงานภาพยนตร์กว่า 30 เรื่องในเวลานั้น อาทิ “สื่อกามเทพ”, “บุหงาหน้าฝน”, “มันมากับความมืด”, “พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ”, “ขอบฟ้าเขาเขียว”, “หมอกฟ้า”, “คนเมืองกรุง”, “ทิพย์ช้าง” “ตัญหานักบุญ”, “เผ็ด” ฯลฯ

ปี พ.ศ. 2516 ชาลี อินทรวิจิตร มีส่วนผลักดันให้ คมน์ อรรฆเดช สร้างภาพยนตร์เป็นครั้งแรก โดยนำพล็อตเรื่องจากชีวิตจริงเมื่อครั้งยังเป็นตำรวจมาสร้างในชื่อเรื่อง “ปล้นครั้งสุดท้าย” จันทรา จันทมณี ผู้อำนวยการสร้าง ใช้ดาราดังแห่งยุค วันดี ศรีตรัง เป็นนางเอกประกบ ยอดชาย เมฆสุวรรณ ใช้เวลาถ่าย 2 ปี สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2518 ดาราดังตกกระแสแล้ว หักค่าใช้จ่ายไม่ถึงกับขาดทุน

คมน์ อรรฆเดช มีคติประจำใจว่า “ต้องเสี่ยงเมื่อยังหนุ่ม แม้จะผิดพลาด ก็ยังมีเวลาแก้ไขได้” ภาพยนตร์เรื่องที่ 2 “เผาขน” จึงไม่เคยกลัวงบบานปลาย เพียงเพื่อให้หนังออกมาดี “เผาขน” นอกจากระดมดาราดังอย่าง สมบัติ เมทะนี, อรัญญา งามวงศ์, ยอดชาย เมฆสุวรรณ, นัยนา ชีวานันท์ ฯลฯ ยังลงทุนให้รถยนต์วิ่งพุ่งตกจากตึก 7 ชั้น และขับชนกันจนระเบิดไปถึง 6 คัน ฉากวาบหวิวยังจับ อรัญญา นามวงศ์ ขึ้นชกมวยบนเวที และใส่ชุด “นางกระต่าย” รวมถึงใส่ชุดบีกินี่ สีดำนอนโชว์สัดส่วน 36-23-36 โดยมี บู๊ วิบูลย์นันท์ ลูบไล้ส่วนเว้าส่วนโค้งจนมือสั่นระริก ซึ่งเป็นชนวนนำไปสู่การฆ่า “เผาขน” หัวใจของเรื่อง เข้าฉายโรงหนังเพชรรามา ประสบความสำเร็จในรายได้

เมื่อพรพิมล มั่นฤทัย ขึ้นแท่นผู้อำนวยการสร้าง ได้เปลี่ยนใช้ชื่อ “โคลีเซี่ยมฟิลม์” ภาพยนตร์ที่สร้างทุกเรื่องถือเป็นฟอร์มยักษ์ นับจาก “ไผ่กำเพลิง” ที่ใช้ช้างนับ 100 เชือกมาร่วมแสดง ซึ่ง ช้าง ต่อมาคือ โลโก้ ค่ายโคลีเซี่ยม เรื่อง “มหาหิน” ลงทุนจ้างสมบัติ เมทะนี โกนหัว 1 ล้านบาท, “เพชรตัดหยก” ลงทุนจ้าง ฉีเส้าเฉียน ต่อด้วยเรื่อง “พยัคฆ์ยี่เก”  นำเดวิดเจียง มาร่วมแสดง รวมถึง “อี้หมิง” ในเรื่อง “อยู่กับก๋ง”

ขณะเดียวกัน คมน์ อรรฆเดช ก็ยังสร้างความ เติมเทคโนโลยีสมัยใหม่ใส่ไว้ในภาพยนตร์ เรื่อง “ทับทิมโทน” ลงทุนเงิน 3 ล้านบาท นำอุปกรณ์ช่วยบิน ให้บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ สวมใส่เหาะเหิรเดินอากาศ จนเป็นที่แจ้งเกิด รวมถึงนักแสดงอีกหลายคน อาทิ จารุณี สุขสวัสดิ์, พิม วัฒนพานิช, ม.ล.สุรีย์วัลย์ สุริยง, นันทิดา แก้วบัวสาย, ใหม่ สิริวิมล, ยุรนันท์ ภมรมนตรี, พันนา ฤทธิไกร ฯลฯ

ระยะหลัง คมน์ อรรฆเดช มอบหมายให้มนู วรรณายก ลูกหม้อเก่า กำกับแทนในนามโคลีเซี่ยมฟิลม์, โคลีเซี่ยมพิคเจอร์, โคลีเซี่ยมโปรดักชั่น และโคลีเซี่ยมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ มีผลงานมากว่า 30 เรื่อง อาทิ “กอดคอกันแหวว”, “กองร้อย 501 ริมแดง”, “ด้วยรักไม่รู้จบ”, “ยุ่งดะมะด๊อง”  “จงรัก”, “น้ำค้าง”, “รักหรือเสน่หา”, “ปลัดเพชรบ่อพลอย”, “ผีหลบผีไม่หลบ” ฯลฯ โดยมีทองก้อน ศรีทับทิม เป็นผู้ช่วย และกำกับการแสดงในบางเรื่อง

ปี พ.ศ. 2542 คมน์ อรรฆเดช ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ 2 สมัยติดต่อกัน จัดมหกรรมภาพยนตร์เอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 44 มีชาติสมาชิกในวงการภาพยนตร์ทั่วโลก มาร่วมงาน 12 ประเทศ เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, ฮ่องกง, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, คูเวต, อินโดนีเซีย, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ พัฒนาวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ส่งผลให้ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยมากขึ้น

คมน์ อรรฆเดช เสนอแนวคิดให้ก่อตั้งสภาภาพยนตร์, สถาบันภาพยนตร์แห่งชาติ รวบรวม 11 สมาคมวิชาชีพ สาขาผู้อำนวยการสร้าง, สาขาโรงภาพยนตร์,  สาขาผู้จัดจำหน่าย, สาขาผู้กำกับ, สาขานักแสดง, สาขาทีมงานสร้าง, สาขานักพากย์, สาขาห้องแลป, สาขาผู้สื่อข่าวบันเทิง, สาขานักวิชาการภาพยนตร์, สาขาผู้ผลิตและจำหน่ายวีดีทัศน์ เสนอร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์, ร่างพระราชบัญญัติควบคุมโรงมหรสพ และผลักดันวันที่ 4 เมษายน ของทุกปีเป็น “วันหนังไทย” ต่อมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศ“พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551” ขณะที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  พระราชทานให้ทุกวันที่ 4 เมษายนของทุกปี เป็น “วันภาพยนตร์แห่งประเทศไทย”

ปี พ.ศ. 2546 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาสื่อสารมวลชน ผู้สร้างผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์และสังคมไทย

เมื่อวงการภาพยนตร์ซบเซา คมน์ อรรฆเดชได้ผันตัวเองเป็นผู้จัดละครโทรทัศน์ ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด คือ โก๊ะจ๋า ป่านะโก๊ะ ละครโทรทัศน์ชุดทางช่อง 7 สี โดยเฉพาะในภาค โก๊ะ 7 เมื่อปี พ.ศ. 2554 ที่เรตติ้งสูงสุด ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งถึง 4 สัปดาห์ซ้อน และมีบริษัท โคลีเซี่ยม อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ประกอบกิจการศูนย์การค้าและโรงภาพยนตร์โคลีเซี่ยม

วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 15.09 น. คมน์ อรรฆเดช เสียชีวิตด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ที่โรงพยาบาลทักษิณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขณะที่มาสำรวจความคืบหน้าในการก่อสร้างศูนย์การค้าโคลีเซี่ยม ซึ่งเป็นกิจการในสังกัดของตนเอง สิริอายุได้ 66 ปี

ทั้งนี้แฟนละครช่อง 7 เอชดี สามารถติดตามผลงานละครของค่ายโคลีเซี่ยม ซึ่งล่าสุดละคร “จ้าวพายุ” ได้กลับนำมาฉายใหม่ ทุกคืนวันศุกร์-เสาร์*อาทิตย์ เวลา 20.30 น. หรือ ติดตามรับชมภาพยนตร์ไทยในอดีต ผลงานของค่ายโคลีเซี่ยมฟิลม์ ได้ที่ ยูทูป : โคลีเซี่ยมฟิลม์ (ภาพยนตร์เงินล้าน) โดยคมน์ อรรฆเดช

มูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ในพระราชูปถัมภ์ฯ จัดงาน “วันหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก” ครั้งที่ 36

มูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ในพระราชูปถัมภ์ฯ จัดงาน “วันหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก” ครั้งที่ 36 งานสร้างเสริมคนดีมีคุณธร...