วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2565

"สารวัตรแรมโบ้" เดินหน้าต่อเนื่อง "คดีตู้ ห่าว" ยื่นหนังสือถึง รมว.ยุติธรรม ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับเป็นคดีพิเศษ

"สารวัตรแรมโบ้" เดินหน้าต่อเนื่อง "คดีตู้ ห่าว" ยื่นหนังสือถึง รมว.ยุติธรรม ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับเป็นคดีพิเศษ

จากกรณีที่นายหาว เจ๋อ ตู้ หรือชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ กับพวกคนจีนที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลจับกุมที่ผับจินหลิง ในท้องที่ สน.ยานนาวา ถูกแจ้งข้อหา 1. สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 2. ร่วมกันค้ายาเสพติด 3. ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อยอดขยายผลบุกเข้าค้นบ้านหรู พร้อมยึดทรัพย์ ที่ดินจำนวนมาก พร้อมเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ปรากฎว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ยานนาวา ปล่อยรถของกลางคนจีนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี รวมทั้งพบเจ้าหน้าตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจำนวนหนึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องให้ความสะดวกรู้เห็นกับกลุ่มคนจีนที่ทำผิดกฎหมาย จากการให้สัมภาษณ์ของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

จากเหตุผลสำคัญและความจำเป็นดังกล่าวข้างต้น พันตำรวจเอกสุรโชค เจษฎาเดช (สารวัตรแรมโบ้) มูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทศไทย จึงได้เดินทางมาที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กระทรวงยุติธรรม รับคดีนายหาว เจ๋อ ตู้ หรือชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ คนจีนที่แปลงสัญชาติไทยกับพวกที่เกี่ยวข้องทุกคนอยู่ในอำนาจการสอบสวนการดำเนินคดีเป็นคดีพิเศษ โดยมี ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้รับหนังสือ  เมื่อวันที่16 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา

พันตำรวจเอกสุรโชค เจษฎาเดช (สารวัตรแรมโบ้) มูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทศไทย กล่าวว่า ตนเองขอชื่นชมและต้องปรบมือให้กับการทำงานของกระทรวงยุติธรรมที่กล้าทำการยึดทรัพย์แก๊งค์ตนจีนสีเทากว่าหมื่นล้านบาท และตนก็ได้ปรึกษากับคณะที่ปรึกษาประกอบด้วยข้าราชการทหารตำรวจ ผู้พิพากษา อัยการ นักกฎหมาย และทนายความจนตกผลึก เห็นควรว่า "ควรอย่างยิ่งที่ให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กระทรวงยุติธรรม ให้รับคดีนายหาว เจ๋อ ตู้ หรือชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ คนจีนที่แปลงสัญชาติไทยกับพวกที่เกี่ยวข้องทุกคนอยู่ในอำนาจการสอบสวนการดำเนินคดีเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลทางการเงิน มีสมัครพรรคพวก มีกลุ่มข้าราชการบางส่วนและเจ้าหน้าที่ตำรวจบางหน่วยงานให้การสนับสนุนช่วยเหลือ

                                                

อีกทั้งเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนทั้งประเทศในขณะนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย สร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนทั้งประเทศและนักลงทุนต่างประเทศทั่วโลกที่เดินทางเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยใหผู้กระทำผิดทุกคนได้รับโทษสูงสุดตามกฎหมายบ้านเมืองตามพยานหลักฐาน โดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่ในสายบังคับบัญชาของกระทรวงยุติธรรมที่มีหน่วยงานสำคัญประกอบด้วย สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ทำให้การสืบสวนและสอบสวนคดีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ หาว เจ๋อ ตู้ กับพวกคนจีนที่เกี่ยวข้อง เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เกิดความรวดเร็วสามารถตอบความเคลือบแคลงสงสัยต่อสังคมได้ หากยังอยู่ในอำนาจการสืบสวนสอบสวนการรวบรวมพยานหลักฐานฝ่ายตำรวจแต่ฝ่ายเดียว 

***พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช (สารวัตรแรมโบ้) ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทศไทย ฉายา "ตำรวจมือปราบพระกาฬ" อดีตสารวัตรกองปราบ นครบาล และผู้กำกับสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ซึงทำคดีดังๆ ระดับชาติและนานาชาติมาแล้วมากมาย เช่น .คดีจ้างวานฆ่าคนสนิทหลวงพ่อคูณ คดีฆ่าถ่วงน้ำตระกูลตั้งฮั้วคดีฆ่าเผา 5 ศพตระกูลหลิมบุญเจียมปี 2537 .จับนายจาง ยาไฉ ชาวจีน มือปืนรับจ้างนักฆ่าข้ามชาติ 100 ศพ นำคนร้ายส่งเมืองจีนด้วยตนเอง จับมือปืนรับจ้างนักฆ่าข้ามชาติชาวเยอรมัน 2 คน  จับคนร้ายจำนวน 3 คนในคดีเรียกค่าไถ่นักศึกษาสาว จับกุมคนร้ายปล้นทรัพย์ เรียกค่าไถ่นักธุรกิจชาวจีนจำนวน 100 ล้านบาท เมื่อปี 2536 และยังมีคดีที่ปล้นชิงทรัพย์นักธุรกิจชาวจีนอีกหลายคดีที่พันตำรวจเอกสุรโชค เจษฎาเดช ได้ช่วยเหลือนักธุกิจชาวจีนที่ถูกปล้นทรัพย์ชิงทรัพย์หลายคดี รวมทั้งคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญระดับนานาชาติอีกจำนวนมาก

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2565

"สารวัตรแรมโบ้" เดือด ยื่นหนังสือ 4 หน่วยงานรัฐ คดีตู้ห่าวไม่มีความคืบหน้า ไม่มีผล ไร้วี่แวว ชวนสงสัยมีผลประโยชน์ เดินหน้ายื่นหนังสือถึง ฯพณฯ สี จิ้น ผิง ประธานาธิบดี สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านเอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย

"สารวัตรแรมโบ้" เดือด ยื่นหนังสือ 4 หน่วยงานรัฐ คดีตู้ห่าวไม่มีความคืบหน้า ไม่มีผล ไร้วี่แวว ชวนสงสัยมีผลประโยชน์

เดินหน้ายื่นหนังสือถึง ฯพณฯ สี จิ้น ผิง ประธานาธิบดี สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านเอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย

พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทยไทย ฉายา "สารวัตรแรมโบ้" ตำรวจมือปราบพระกาฬ อดีตนายตำรวจมือตงฉินมือสะอาดเจ้าของฉายา ที่เคยเป็น อดีตสารวัตรกองปราบ นครบาล และผู้กำกับสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งทำคดีดังๆ ระดับชาติและนานาชาติมาแล้วมากมาย เช่น .คดีจ้างวานฆ่าคนสนิทหลวงพ่อคูณ คดีฆ่าถ่วงน้ำตระกูลตั้งฮั้วคดีฆ่าเผา 5 ศพตระกูลหลิมบุญเจียมปี 2537 จับมือปืนรับจ้างนักฆ่าข้ามชาติชาวเยอรมัน 2 คน  จับคนร้ายจำนวน 3 คนในคดีเรียกค่าไถ่นักศึกษาสาว และยังมีคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญระดับนานาชาติอีกจำนวนมาก 

รวมทั้งคดีที่เกี่ยวกับรัฐบาลจีน อาทิ 1. เคยทำงานร่วมกับนาย จาง หมิง หรือนายไมเคิล ผู้การกองปราบจากเกาะไหหลำร่วมกันสืบสวนจับกุมนายจาง ยาใฉ มือปืนรับจ้างข้ามชาติ นักฆ่า 100 ศพจากเมืองจีน ครั้งสุดท้ายได้ใช้อาวุธปืนสังหารนักธุรกิจ 3 คน บนเกาะไหหลำในร้านขายยาเมื่อปี พ.ศ. 2536 นำตัวส่งรัฐบาลจีน ดำเนินคดีที่เมืองไหโข่ว เกาะไหหลำ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน                                              

2. ได้ร่วมจับกุมเจ้าหน้าที่ธนาคารชาติ 3 คน ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ยักยอกทรัพย์จำนวนเงิน ประมาณ 50 ล้านบาท ที่ธนาคารเมืองกว่างโจว เมื่อปี พ.ศ. 2536 นำตัวส่งดำเนินคดี 2 คน อีก 1 คน ผูกคอตายในห้องขังที่กองปราบปราม                                                                                                 

3. ได้ช่วยจับกุมคนร้ายปล้นทรัพย์ เรียกค่าไถ่นักธุรกิจชาวจีนจำนวน 100 ล้านบาท เมื่อปี พ.ศ. 2536 ที่กรุงเทพมหานคร                                                                                                                     

 4. ยังมีคดีที่ปล้นชิงทรัพย์นักธุรกิจชาวจีนอีกหลายคดีที่พันตำรวจเอกสุรโชค เจษฎาเดช ได้ช่วยเหลือนักธุกิจชาวจีนที่ถูกปล้นทรัพย์ชิงทรัพย์หลายคดี

หลังยื่นหนังสือ 4 หน่วยงานรัฐ ได้แก่ ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ของรัฐบาลสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล   กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คดีตู้ห่าวก็ยยังไม่คืบหน้า ไม่มีผล ไร้วี่แวว ยกเว้นกระทรวงยุติธีรรมแห่งเดียวที่กล้าทำการยึดทรัพย์แก๊งค์คนจีนสีเทากว่าหมื่นล้านบาท อันนี้ก็ต้องขอชื่นชม 

        วันที่ 20 ธันวาคม 2565 พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช "สารวัตรแรมโบ้" ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทยไทย  พร้อมด้วยนายอำนวย โกวิทธรรมกรณ์ ที่ปรึกษามูลนิธิฯ จึงได้เดินทางไปที่สถานฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อยื่นหนังสือถึง ฯพณฯ สี จิ้น ผิง ประธานาธิบดี สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านเอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่จากสันติบาลและสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวางมาร่วมสังเกตการณ์


สืบเนื่องจากคดีของนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ หาว เจ๋อ ตู้ กับพวกคนจีน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลจับกุมที่ผับจินหลิง ในท้องที่ สน.ยานนาวา ถูกแจ้งข้อหา 1. สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 2. ร่วมกันค้ายาเสพติด 3. ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย 4. ร่วมกันฟอกเงิน จีงขอความร่วมมือให้ทางรัฐบาลส่งชุดสืบสวนสอบสวนที่ประจำสถานฑูตจีนในประเทศไทยหรือส่งมาจากประเทศจีน ให้สืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐาน ประสานมาทางมูลนิธิฯ หรือกระทรวงยุติธรรมโดยด่วนที่สุด เพื่อนำตัวขบวนการอาชญากรข้ามชาติคนจีนสีดำสีเทามาดำเนินการถึงที่สุดในประเทศ รวมทั้งครอบครัวของคนจีนที่ทำผิดกฎหมาย โดยนำเครื่องมือพิเศษเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเชื่อว่าจะจับได้หมดในประเทศไทยเร็วที่สุด รวมถึงให้รัฐบาลจีนออกกฎหมายให้ลงโทษแบบรุนแรงที่สุดถึงขั้นประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตและยึดทรัพย์สินที่ฉ้อโกงมาจากคนไทยในประเทศไทยให้ส่งทรัพย์สินคืนให้ประเทศไทย ส่วนทรัพย์สินที่ฉ้อโกงมาจากคนจีนให้ส่งทรัพย์สินคืนประเทศจีน

 






พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ได้นำคณะราชสกุลเทพหัสดินฯ ร่วมลงนามถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ได้นำคณะราชสกุลเทพหัสดินฯ ร่วมลงนามถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

             พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ได้นำคณะราชสกุลเทพหัสดินฯ ร่วมลงนามถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว ณ บริเวณชั้น 1 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองและพสกนิกรมาโดยตลอด

ศึกฟุตบอลการกุศล Football Friendly Match The End Of The Year 2022 ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่

ศึกฟุตบอลการกุศล  Football Friendly Match The End Of The Year 2022 ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่

       ศิษย์เก่า 6 สถาบัน ลงทำศึกลูกหนังเพื่อสัมพันธ์ และการกุศล เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา ณ สนามฟุตบอล Airport Stadium

          โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างศิษย์เก่า 6  สถาบัน และจัดหารายได้เพื่อการกุศลให้มูลนิธิกู้ภัยร่มไทร

           สำหรับบรรยากาศในการแข่งขันเป็นไปอย่างสนุกสนานและมิตรภาพ โดยเริ่มการแข่งขันเมื่อเวลา 16.30 น. ทั้ง 2 สนามพร้อมกัน เล่นทีมละ 40 นาที พบกันทีมละ 2 ครั้ง นับคะแนนได้เสีย (ใช้ระบบเหย้าเยือน ชนะ 3 คะแนน เสมอ 1 คะแนน ถ้าคะแนนเสมอกันนับถูกได้เสีย

นำทีมที่ 1 สาย A พบทีมที่ 1 สาย B โดยมี 6 ทีมร่วมการแข่งขันได้แก่

1.ศิษย์เก่าราชวินิตบางแก้ว

2..ศิษย์เก่าปทุมคงคา (สิงห์เอกมัย)

3.ศิษย์เก่าเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช

4.ศิษย์เก่าดอนเมืองทหารอากาศบำรุง

5.ศิษย์เก่าหอวัง

6.ศิษย์เก่าสุรศักดิ์มนตรี    


         ผลการแข่งขัน ปรากฏว่า ทีมศิษย์เก่าเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช คว้าแชมป์ไปครองด้วยการเอาชนะจุดโทษ ศิษย์เก่าปทุมคงคา (สิงห์เอกมัย)


เคพีไอ จับมือกรมอุทยานแห่งชาติฯ เดินหน้าโครงการ “ท่องเที่ยวทั่วไทย อุ่นใจเมื่อไปอุทยาน” รับนักท่องเที่ยวสายชมธรรมชาติ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

เคพีไอ จับมือกรมอุทยานแห่งชาติฯ เดินหน้าโครงการ “ท่องเที่ยวทั่วไทย อุ่นใจเมื่อไปอุทยาน” 

รับนักท่องเที่ยวสายชมธรรมชาติ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

                กรุงไทยพานิชประกันภัย จับมือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช หนุนนโยบายภาครัฐ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ สานต่อ “โครงการท่องเที่ยวทั่วไทย อุ่นใจเมื่อไปอุทยาน” ด้วยแผนประกันภัยนักท่องเที่ยวอุทยาน (Thai National Parks PA) ที่ช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเขตพื้นที่อุทยานทั่วประเทศไทย ให้ได้รับความคุ้มครองกรณีเกิดอุบัติเหตุขณะเที่ยวชมอุทยาน โดยมีระยะเวลาคุ้มครองนาน 7 วัน แผนประกันภัยนี้ ยังตอบรับกับการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง

                  คุณสุชาวดี แสงอนงค์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ เคพีไอ (KPI) กล่าวในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ว่า “กรุงไทยพานิชประกันภัย มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้เห็นความสำคัญของการทำประกันภัยและได้ให้เกียรติกับบริษัทฯ เข้าร่วมเพื่อจัดทำ “โครงการท่องเที่ยวทั่วไทย อุ่นใจเมื่อไปอุทยาน” เพื่อดูแลรับประกันอุบัติเหตุให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โครงการนี้นอกจากจะเป็นประโยชน์แก่นักท่องเที่ยวโดยตรงแล้ว ยังเป็นการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพของประเทศ และถือเป็นการสนับสนุน นโยบายของภาครัฐในด้านการท่องเที่ยว ที่จะช่วยเสริมความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ สนใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและการเติบโตในด้านการท่องเที่ยวของประเทศ”

“แผนประกันภัยนักท่องเที่ยวอุทยาน” ได้ออกแบบมาเพื่อดูแลกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวภายในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติ โดย กรุงไทยพานิชประกันภัย หรือ เคพีไอ มีความพร้อมที่จะช่วยเหลือและให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ในปี 2566 นี้ อีกกว่า 20 ล้านคน ตามคาดการณ์ของกรมอุทยานแห่งชาติ โดย เคพีไอ ได้วางแผนที่จะอำนวยความสะดวกและให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในหลายๆ ด้าน เช่น บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Hospital Care Service 24 ชั่วโมง โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้ารับการรักษาได้ที่ โรงพยาบาล ในเครือข่ายกว่า 370 แห่ง ทั่วประเทศ หรือ บริการรับแจ้งเคลมผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ เว็บไซต์ของบริษัทฯ www.kpi.co.th” 

                   โครงการท่องเที่ยวทั่วไทย อุ่นใจเมื่อไปอุทยาน ได้เริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2560 จนถึงปัจจุบัน หรือในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวที่สนใจทำประกันอุบัติเหตุ ณ เขตพื้นที่อุทยาน 55 แห่งทั่วประเทศ  จำนวนกว่า 9 แสนราย นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า “ประกันภัยนักท่องเที่ยวอุทยาน” ถือเป็นโครงการที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ให้ความสำคัญและเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนเป็นอย่างมากที่จะให้การดูแลแก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ และ 5 ปีที่ผ่านมาภายใต้การดูแลของ บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย (จำกัด) มหาชน ก็ช่วยดูแลนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ทางกรมอุทยานแห่งชาติฯ จึงได้รับเสียงตอบรับดีมากจากนักท่องเที่ยว และในปี 2566 กรมอุทยานแห่งชาติ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเขตพื้นที่อุทยานสูงขึ้นเป็น 100% เมื่อเทียบกับปี 2565 ซึ่งมียอดนักท่องเที่ยวประมาณ 11.5 ล้านคน

                   ในทุกๆ พื้นที่อุทยานมักมีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวบ่อยครั้ง ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องใส่ใจมากที่สุด ประกอบกับหลังสถานการณ์โควิด-19 มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่งได้รับการฟื้นฟูให้กลับมาสวยงามและมีความสมบูรณ์ของธรรมชาติมากขึ้น มีแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางด้านความเชื่อและศรัทธาต่างๆ ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น ทางกรมอุทยานและบริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จึงร่วมมือกันเพื่อสานต่อให้โครงการนี้ยั่งยืนต่อไป” นายรัชฎา กล่าวเสริม

                    สำหรับแผนประกันภัยนักท่องเที่ยวอุทยาน ภายใต้ “โครงการท่องเที่ยวทั่วไทย อุ่นใจเมื่อไปอุทยาน” จะให้ความคุ้มครองครอบคลุมถึงค่ารักษาพยาบาลรวมถึงกรณีการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ผู้เอาประกันภัยมีอายุตั้งแต่ 3 - 60 ปี มีระยะเวลาคุ้มครองนาน 7 วัน นับตั้งแต่ได้รับตราประทับการเข้าชมอุทยานฯ โดย มีค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับนักท่องเที่ยวไทยเพียง 10 บาท ได้รับความคุ้มครองสูงถึง 300,000 บาท และสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จ่ายค่าเบี้ยฯ ในราคา 40 บาท ได้รับความคุ้มครองสูงถึง 400,000 บาท และสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาล ในโรงพยาบาลเครือข่ายได้กว่า 370 แห่งทั่วประเทศ

                   ใครที่ชอบท่องเที่ยวชมความสวยงามของธรรมชาติ จะเที่ยวแบบสบายๆ เที่ยวแบบผจญภัยหรือเที่ยวแบบสายมู ก็สามารถขอซื้อ “ประกันภัยนักท่องเที่ยวอุทยาน” ได้ที่จุดจำหน่ายตั๋วเข้าชมอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ “ท่องเที่ยวทั่วไทยอุ่นใจ เมื่อไปอุทยาน” เคพีไอ ใส่ใจคุณ ทุกทริปทั่วไทย  

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3I3KfF9


วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2565

"สารวัตรแรมโบ้" ลงนามถวายพระพร พร้อมถวายรูปเหมือนสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังษี แด่สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

"สารวัตรแรมโบ้" ลงนามถวายพระพร พร้อมถวายรูปเหมือนสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังษี แด่สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา


       พันตำรวจเอกสุรโชค เจษฎาเดช (สารวัตรแรมโบ้) นายตำรวจประจำตัวพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทศไทย และนายอำนวย โกวิทธรรม ร่วมลงนามถวายพระพร พร้อมถวายรูปเหมือนของสมเด็จพุฒธาจารย์โต พรหม์รังษี (หลวงพ่อโต) วัดระฆังโฆษิตาราม หน้าตักกว้าง 12 นิ้ว สูง 12 นิ้ว แด่สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดาขอให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวร และมีพระพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ในเร็ววันด้วยพระบารมีของสมเด็จพุฒจารย์โต พรหมรังสี ณ อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม 2565 



ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม

ข้าพระพุทธเจ้า พันตำรวจเอกสุรโชค เจษฎาเดช (สารวัตรแรมโบ้)

และนายอำนวย โกวิทธรรมกรณ์    

วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2565

“สารวัตรแรมโบ้"-"วัชระ" เป็นตัวแทนชาวบ้าน บุก สตช. ส่ง "ตะเกียง-ไม้กวาด" ฝากถึง ผบ.ตร.ใช้ส่องแสงสว่าง-กวาด สตช. ให้ สะอาดสอ้าน เกรงคดีตู้ ห่าวเป็นมวยล้มต้มคนดู

“สารวัตรแรมโบ้"-"วัชระ" เป็นตัวแทนชาวบ้าน

บุก สตช. ส่ง "ตะเกียง-ไม้กวาด" 

ฝากถึง ผบ.ตร.ใช้ส่องแสงสว่าง-กวาด สตช. ให้

สะอาดสอ้าน เกรงคดีตู้

ห่าวเป็นมวยล้มต้มคนดู 



พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช (สารวัตรแรมโบ้) ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทศไทย อดีตนายตำรวจมือตงฉินมือสะอาดเจ้าของฉายา “ตำรวจมือปราบพระกาฬ” อดีตสารวัตรกองปราบ นครบาล และผู้กำกับสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ซึงทำคดีดังๆ ระดับชาติและนานาชาติมาแล้วมากมาย เช่น .คดีจ้างวานฆ่าคนสนิทหลวงพ่อคูณ คดีฆ่าถ่วงน้ำตระกูลตั้งฮั้วคดีฆ่าเผา 5 ศพตระกูลหลิมบุญเจียมปี 2537 .จับนายจาง ยาไฉ ชาวจีน มือปืนรับจ้างนักฆ่าข้ามชาติ 100 ศพ นำคนร้ายส่งเมืองจีนด้วยตนเอง และจับมือปืนรับจ้างนักฆ่าข้ามชาติชาวเยอรมัน 2 คน  จับคนร้ายจำนวน 3 คนในคดีเรียกค่าไถ่นักศึกษาสาว และยังมีคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญระดับนานาชาติอีกจำนวนมาก ได้ร่วมกับนายวัชระ เพชรทองอดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ บุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ส่งตะเกียง-ไม้กวาด  จากชาวบ้านฝากถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อใช้ส่องแสงสว่างและกวาด สตช. ให้สะอาดสอ้าน ขอให้สั่งการและเร่งรัดการดำเนินคดีนายห่าว เจ๋อ ตู้ เกรงคดีนายห่าว ตู้ห่าวเป็นมวยล้มต้มคนดู เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 หลังเคยยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการจัดการขั้นเด็ดขาดกับแก๊งค์คนจีนสีเทา

พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช (สารวัตรแรมโบ้) ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากที่ทราบข่าวจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์  ได้ร้องเรียนกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมว่า “พนักงานสอบสวนผู้ทำคดีไม่ได้แจ้งข้อหาฟอกเงิน” จึงรู้สึกตกใจมาก เพราะในคดียาเสพติดทุกคดีที่ทำอยู่ กฎหมายฟอกเงินถือเป็นเครื่องมือสำคัญของการปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดได้อย่างเด็ดขาด จึงขอให้ ผบ.ตร. สั่งการทีมที่รับผิดชอบทำคดีนี้ทันที  เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อคดีและประเทศชาติและประชาชน  เพราะหากล่าช้า เชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดในขณะนี้จะยักย้ายถ่ายโอนเงินสดหรือทรัพย์สินจากการทำผิดกฎหมายไปให้บุคคลภายนอกหรือโอนไปต่างประเทศ ซึ่งอาจจะมีวงเงินสดที่สูงถึงหลายพันล้าน-หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ หากทรัพย์สินทั้งหมดถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินแล้ว ก็จะเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้เป็นกองทุนปราบปรามยาเสพติดได้ในอนาคต ดังนั้น ผบ.ตร.จึงต้องสั่งการอย่างเร่งด่วน ดังนี้



1.ในระหว่างนี้ หากพบเงินสดที่โอนไปถึงใคร ขอให้ดำเนินคดีอาญาแจ้งข้อหากฎหมายฟอกเงินทุกคนอย่างเด็ดขาดทันที

2.ขอให้รีบแจ้งข้อหาฟอกเงินนายห่าว เจ๋อ ตู้ กับพวกโดยเร็วที่สุดเพื่อยึดอายัดทรัพย์สินขบวนการนี้ให้ตกเป็นของแผ่นดิน

3.ขอให้รีบจัดทีมพนักงานสอบสวนมือดีที่สุดที่มีความเชี่ยวชาญคดีฟอกเงิน ยาเสพติด ความมั่นคง  บ่อนการพนันผิดกฎหมายจากส่วนกลาง กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจต่างประเทศ กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์เข้ามาช่วยทำคดีนี้

4.ขอให้เร่งรัดสอบสวนคดีที่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการทุจริตในคดี นายห่าว เจ๋อ ตู้ โดยใช้พนักงานสอบสวนจากส่วนกลางทั้งหมด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และเมื่อสอบสวนเสร็จแล้ว ให้รีบนำสำนวนประสานกับป.ป.ช.เจ้าของคดีและอัยการ เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว เป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อสร้างศรัทธาความน่าเชื่อถือกับประชาชนให้กับองค์กรตำรวจโดยเร็ว

ด้านนายวัชระ เพชรทอง กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนเสื่อมศรัทธา สตช. อย่างมาก พี่น้องประชาชนจึงฝากตะเกียงและไม้กวาดมาให้ ผบ.ตร. เพื่อใช้ส่องแสงสว่างและกวาด สตช. ให้สะอาดสอ้าน เพราะเกรงว่าคดีตู้ห่าวอาจเป็นมวยล้มต้มคนดู จึงต้องออกมาเป็นปากเสียงแทนชาวบ้าน โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีนายพลใน สตช. เคยเดินตามหลังนายตู้ห่าว ดังนั้น ผบ.ตร. ควรถามในที่ประชุมว่ามีใครบ้างให้ยกมือขึ้น วันนี้ตำรวจต้องแจ้งข้อหาฟอกเงินดำเนินคดีกับนายตู้ห่าวทันที และทำทุกอย่างตรงไปตรงมาเพื่อความสงบสุขในสังคมไทย หากไม่ดำเนินการก็จะทำให้ประชาชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัยอย่างยิ่ง ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรรีบดำเนินการเรื่องจีนสีเทาเป็นวาระแห่งชาติ และทราบว่าพรรคฝ่ายค้านกำลังเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในเรื่องนี้  จึงต้องรีบตั้งกรรมกรสอบสวนก่อนพรรคฝ่ายค้านจะแฉเรื่องนี้ในสภาฯ

วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2565

"สารวัตรแรมโบ้-วัชระ" ลุยต่อไม่หยุด ร้อง รมว. มหาดไทย ตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษ จัดการขั้นเด็ดขาดแก๊งค์คนจีนสีเทา ลงโทษขั้นรุนแรงถึงประหารชีวิต

"สารวัตรแรมโบ้-วัชระ" ลุยต่อไม่หยุด ร้อง รมว. มหาดไทย ตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษ

จัดการขั้นเด็ดขาดแก๊งค์คนจีนสีเทา ลงโทษขั้นรุนแรงถึงประหารชีวิต


            จากกรณีที่เป็นข่าวโด่งดังเรื่องแก๊งค์คนจีนสีเทา สารวัตรแรมโบ้-พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทศไทย ในฐานะองค์กรภาคประชาชนที่ให้การช่วยเหลือสนับสนุนการทํางานให้กับองค์กรหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนตลอดระยะเวลา 30 ปีเศษ ในเรื่องรณรงค์ป้องกันปราบปรามต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติด จึงได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่สภาผู้แทนราษฎร ให้เร่งรัดจัดการแก๊งค์คนจีนสีเทาให้สิ้นซาก เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา


                      

             ที่กระทรวงใมหาดไทย วันที่ 9 ธันวาคม 2565 สารวัตรแรมโบ้-พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทศไทย พร้อมด้วยนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ลุยต่อไม่หยุด ยืนหนังสือร้อง พล อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงศ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง โดยมีนายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับหนังสือขอให้จัดการขั้นเด็ดขาดกับแก๊งค์คนจีนสีเทา โดยขอให้ตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษบุกตรวจค้นจับกุมแก๊งคนจีนข้ามชาติทำผิดกฎหมาย ให้ยึดทรัพย์คนจีน และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำผิดกฎหมายอาญาร้ายแรงเป็นกฎหมายความมั่นคงของประเทศ ร่วมมือช่วยเหลือปลอมแปลงบัตรประชาชนให้แก๊งค์คนจีนสีเทาเข้ามากระทำการผิดกฎหมายทั้ง ยาเสพติด ค้าอาวุธ บ่อนการพนัน และผิดกฎหมายอื่นๆ ซึ่งทำเป็นขบวนการใหญ่มาก มีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศ จึงควรออกกฎหมายให้ลงโทษสถานหนักคือ จำคุกสูงสุด 20  ปีถึงตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต หรือถอนสัญชาติส่งกลับประเทศจีนทันที รวมทั้งยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินทันที เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

         สารวัตรแรมโบ้-พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทศไทย กล่าวว่า อยากให้ทางกระทรวงมหาดไมบเร่งดำเนินการในเรื่องต่างๆ ดังนี้

1.จัดตั้งชุดฝ่ายกฎหมายการแปลงสัญชาติให้รัดกุม ยากต่อการที่คนจีนสีเทาหรีอคนต่างชาติจะเข้ามาแปลงสัญชาติได้โดยง่าย ควรเพิ่มข้อระเบียบให้มากขึ้น และหากพบว่ามีการผิดกฎหมายร้ายแรงก็ต้องถูกถอนสัญชาติส่งกลับประเทศถิ่นกำเนิดทันที รวมทั้งต้องยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดินทันที

2.ตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษเปิดยุทธการรุกเข้าตรวจค้นและจับกุมทันทีโดยเฉพาะตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำในกทม.มักจะมีคนจีนเข้ามาซื้อกิจการไว้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งคนเหล่านี้พูดไทยไม่ชัดแต่มีบัตรประชาชนทุกคน รวมทั้งแหล่งชุมชนที่มีคนจีนเช่าจำนวนมาก ต้อง ตั้งศูนย์รับแจ้งจากประชาชนทั่วประเทศพร้อมกัน กรณีที่มีคนเสียชีวิตแล้วต้องตรวจสอบว่ามีการแจ้งต่อทางราชการอย่างถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากพบว่ามีการนำเอาคนจีนมาสวมสิทธิแทน โดยใช้เลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากมีการดำเนินอย่างเด็ดขาดและจริงจัง ปัญหาเหล่านี้ก็จะคลี่คลายและหมดไปในที่สุด

ด้านนายวัชระ เพชรทอง  อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์  ก็ได้สอบถาม พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทยและนายสุทธิพงศ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานของกระทรางมหาดไทยในเรื่องต่างๆ ของคดี ได้แก่

1. การอนุมัติสัญชาติไทยให้บุคคลต่างด้าวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 ถึงปัจจุบัน ในสมัยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้นกี่ราย ต้นทางสัญชาติใดบ้าง

2. กระทรวงมหาดไทยมีการติดตามพฤติกรรมผู้ได้สัญชาติไทยหรือไม่

3. มีข่าวว่าต้องมีการจ่ายเงินจำนวนมากในการโอนมาเป็นสัญชาติไทยจริงหรือไม่ 

4. มีมาตรการป้องกันไม่ให้อาชญากรจากต่างประเทศโอนเป็นสัญชาติไทยได้อย่างไรและที่ได้สัญชาติไทยแล้วจะเพิกถอนสัญชาติคนจีนสีเทาหรือมาเฟียจากสัญชาติอื่นอย่างไร เมื่อใด  ทั้งนี้เพื่อความมั่นคงของชาติ

5. กรณีสวมบัตรประชาชนคนไทยที่เสียชีวิตไปแล้ว จะตรวจสอบทั้งประเทศอย่างไร เมื่อใด

6. จะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับทุกหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องกับจีนสีเทาหรือสวมบัตรประชาชนไทยอย่างไร เมื่อใด

7. ปัจจุบันมีคนสัญชาติจีนรออนุมัติเป็นบุคคลสัญชาติไทยอีกจำนวนเท่าใด และจะอนุมัติหรือไม่ อย่างไร

     

                 ทั้งนี้ จากกรณีกระทำความผิดของแก๊งค์คนจีนสีเทา สะท้อนให้เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางส่วนไปตอบสนองและสนับสนุนการกระทำดังกล่าว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนขอให้พิจารณาตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อดำเนินการป้องกันและปราบปรามตรวจค้นในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดภายใน 30 วัน

#สารวัตรแรมโบ้-พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช

#นายวัชระ เพชรทอง

#มูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทศไทย                                                          

                                                   

                                                                        

มูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ในพระราชูปถัมภ์ฯ จัดงาน “วันหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก” ครั้งที่ 36

มูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ในพระราชูปถัมภ์ฯ จัดงาน “วันหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก” ครั้งที่ 36 งานสร้างเสริมคนดีมีคุณธร...