วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2564

วันที่ 9 เดือน 9 ชุมพร...ก้าวสู่มหานครออร์แกนิคใจ

วันที่ 9 เดือน 9 ชุมพร...ก้าวสู่มหานครออร์แกนิค

     ชุมพร เป็นที่ชุมนุมพร เราจึงมีสิ่งดีๆ มากมาย จนเรียกได้ว่า “มหานครแห่งโอกาส” โดยเฉพาะโอกาสด้านการผลิจสมุนไพรและอาหาร ที่ผสมผสานกับการท่องเที่ยวท่องเที่ยวได้อย่างลงตัว โดยจังหวัดชุมพรตั้งอยู่ในจุดเชื่อมโลกที่แคบที่สุดคือ จากปากน้ำหลังสวน จังหวัดชุมพรถึงอ่าวอ่าง ต.ราชกรูด จ.ระนอง ระยะทางเพียง 90 กิโลเมตร และรัฐได้กำหนดให้ชุมพร เป็นหนึ่งใน 4 จังหวัดภายใต้ SEC ซึ่งมีทั้งโครงการ ก่อสร้าง Smart Port ทั้ง 2 อ่าว พร้อมทั้งจะสร้าง Land Bridge ทางรถไฟและทางรถยนต์เชื่อมสองฝั่ง และยังมีโครงการ Thailand Rivera ซึ่งในอนาคต ชุมพรจะเป็นมหานครที่ผู้คนทั้งไทยและต่างประเทศจะหลั่งไหลเข้ามาหาสิ่งที่เขาต้องการ 


       ดังนั้น ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจึงเตรียมการด้านต่างๆ ไว้รองรับนักลงทุนและนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลมาชุมพร โดยเฉพาะการเตรียมการด้านอาหารออร์แกนิค ซึ่งภาครัฐ โดยสำนักงานเกษตรจังหวัด จัดทำโครงการ “เกษตรอินทรีย์วิถีชุมพร” ส่วนภาคเอกชนก็ทุ่มให้กับงานด้านนี้ โดยคุณทวีวัฒน์ เครือสาย นายกสมาคมประชาสังคมจังหวัดชุมพร ร่วมกับ สสส. ขับเคลื่อนเกษตรสุขภาวะ, ไสว แสงสว่าง ผู้จัดการธนาคารต้นไม้คนแรกของโลก ได้จัดตั้งสมาพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืน SDGsPGS จังหวัดชุมพร ผลักดันเรื่อง “เกษตรอินทรีย์” แบบเต็มที่, คุณพิสิฐ ชำมะนาด เลขานุการสมาพันธ์ รวมทั้งกรรมการสมาพันธ์ประจำอำเภอทุกอำเภอ ก็จัดตั้งวิสาหกิจชุมชน เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อน “เกษตรอินทรีย์” ในพื้นที่ของตนเอง, คุณจเร-คุณอาภรณ์ พรหมมาศ ครอบครัวออร์แกนิค เจ้าของเขาอองฟาร์ม อำเภอหลังสวน ซึ่งเป็นสวนไม้ผลออร์แกนิคที่สามารถแก้ปัญหาและพัฒนาสวนไม้ผลจนถึงขั้นส่งออกผลไม้ไปมาเลเซีย สิงคโปร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรสตร์


   ประกอบกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ชาวโลกมีความห่วงใยในสุขภาพอนามัยและหันมาสนใจสมุนไพรและอาหารออร์แกนิค ในขณะที่กลุ่มหลานๆ กับธนาคารสมอง : Chumphon New Gen และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานเกษตรจังหวัดชุมพร, มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร และวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชุมพร ที่ได้รวมตัวกันเป็น “ครอบครัวออร์แกนิค” ได้ขับเคลื่อนงานด้านออร์แกนิคมาระยะหนึ่ง มีความเห็นร่วมกันว่า ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ในการขับเคลื่อน “ชุมพร...สู่มหานครออร์แกนิค” โดยเริ่มจากการจัดงาน “9 เดือน 9 ชาวชุมพร ก้าวสู่มหานครออร์แกนิค” ซึ่งมีกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น ครอบครัวออร์แกนิค โดยทีมงาน New Gen นำทีมโดยโอ๋ ออร์แกนิค ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภค โดยจะบอกเล่าเรื่องราวของคนที่ทำเกษตรอินทรีย์เพื่อเผยแพร่ความรู้ เทคนิคในการผลิตและแปรรูปให้แพร่หลายไปสู่สายตาประชาชน และมี Organic Farm Outlet Delivery ทำหน้าที่ส่งมอบสินค้าออร์แกนิคผ่านช่องทางขนส่งไปสู่ผู้บริโภคโดยทีมงาน Kerry และSpider ที่จะช่วยขนส่งสินค้าออร์แกนิคจากฟาร์มไปสู่ครัวในแต่ละอำเภอ


พร้อมชมการสาธิตการทำอาหารจากครัวออร์แกนิค ที่เชฟคิงส์จะทำอาหารเมนูบ้านๆ อาหารออร์แกนิคที่เป็น Signature Menu นั่นก็คือ ซุปกุ้งน้ำใสและต้มข่า ด้วยกุ้งสดๆ จากลุ่มน้ำสวี ที่ออกแบบและปรุงโดยไม่ต้องใช้ กะทิ แต่ใช้เครื่องปรุงออร์แกนิค (อนาคตเราจะทยอยเปิดร้านอาหารชุมชนที่นำวัตถุดิบออร์แกนิคมาปรุงเป็นอาหารบริการผู้บริโภค เช่น "ครัวหิ้วชั้น" จากอำเภอละแมที่มีผู้บริโภคกว่าร้อยครัวเรือน คอยติดตามสั่งเมนูอร่อยๆไปทาน มีบริการส่งเสริฟถึงโต๊ะฟรี) และมีการถ่ายทอดสดผ่านเพจ:ครอบครัวออร์แกนิค ในวันที่ 9 กันยายน 2564 เวลา 07.00-11.00 น. ณ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชุมพร


      และเวลา 18.00-22.00 น. ณ เขาอองฟาร์ม อำเภอหลังสวน โดยจะมีกิจกรรมเสวนาโดยการ live สดผ่านเพจ:ครอบครัวออร์แกนิค เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ชาวชุมพรรู้เรื่องออร์แกนิค 100% หรือ “ชุมพร....ก้าวเข้าสู่มหานครออร์แกนิค คือ อะไร ? เป็นไปได้จริงหรือ ?” เพื่อให้ผู้ชมได้รับรู้ สนใจและเข้ามาเป็น “ครอบครัวออร์แกนิค” เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนชุมพรให้เป็นมหานครออร์แกนิคตามวัตถุประสงค์ เป้าหมาที่กำหนดไว้ในแผนการขับเคลื่อนชุมพร..สู่มหานครออร์แกนิค” ภายในปี 2568 โดยจะดำเนินการเสวนาในลักษณะการพูดคุย โดยมีดร.สถิตย์ ลิ่มพงษ์พันธุ์ วุฒิสมาชิก เป็นวิทยากรมาพูดถึงนโยบาย, องค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร จะมาพูดคุยถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยว, นายธีระศักดิ์ ยมสวัสดิ์ เกษตรจังหวัดชุมพร นายไสว แสงสว่าง ประธานสมาพันธ์ เกษตรกรรมยั่งยืน SDGsPGS จังหวัดชุมพร และนายวีระ ปัจฉิมเพ็ชร กรรมการสมาพันธ์ฯ จะมาพูดถึงการขับเคลื่อนนโยบาย และนางอาภรณ์ พรหมมาศ เจ้าของสวนออร์แกนิค เขาอองฟาร์ม เกษตรต้นแบบที่หักดิบการทำสวนเคมีไปสู่อินทรีย์ ทิ้งเงินล้านไปหาความสุขกายและสุขใจ แต่สุดท้ายขายทุเรียนสดส่งออกไปดูไบดำ มาเล สิงโปร์ ได้กิโลละ 300 กว่าบาท  จะมาพูดคุยถึงการปฏิบัติงานอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ  โดยมีนายวิโรจน์  แสงบางกา ประธานธนาคารสมอง จังหวัดชุมพร เป็นผู้ดำเนินการเสวนา


          เป็นเรื่องน่าสนใจมากๆ สำหรับ “ชุมพร....ก้าวเข้าสู่มหานครออร์แกนิค" ถ้ามีโอกาสก็ลไปท่องเที่ยวจังหวัดชุมพรกันนะครับ


แจกอาหารฟรีให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในชุมชนเก่าริมคลองลาดพร้าว

แจกอาหารฟรีให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในชุมชนเก่าริมคลองลาดพร้าว


           นายจิรชัย มูลทองโร่ย สมาชิกวุฒิสภา อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีคนที่ 22 และนายชณทัต ปัทะมะภูวดล ผู้ช่วยสมาชิกวุฒิสภา พร้อมทีมงานนำอาหารปรุงสุกและอาหารแห้งจำนวน 1,000 กว่าชุด ไปแจกฟรีให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในชุมชนเก่าริมคลองลาดพร้าว หลังมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2564



           นายชณทัต ปัทะมะภูวดล ผู้ช่วยสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า “ผมมีโอกาสลงพื้นที่ทำกิจกรรมช่วยเหลือชาวบ้านใน เขตจตุจักร มาหลายครั้ง เห็นปัญหามากมายที่ต้องได้รับการแก้ไขให้กับพี่น้องประชาชนในเขตนี้ มาในครั้งนี้ตนยิ่งรู้สึกดีใจแทนชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก ที่ท่าน สว. จิรชัยฯ ได้กรุณาให้เกียรติมาลงพื้นที่และร่วมรับฟังปัญหาของประชาชนไปพร้อมๆ กัน เพื่อที่จะได้นำไปแก้ไขให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป”



         ทั้งนี้ ชุมชนริมคลองลาดพร้าว หลังมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม นับเป็นชุมชนเก่าแก่แห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร โดยปัจจุบันนอกจาก ปัญหาชุมชนแออัดและระบบสาธารณูปโภคที่ไม่ทั่วถึงแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่มีอาชีพหาเช้ากินค่ำ ยังได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนรายได้อันมีผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 อีกด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2564

LONG COVID เรื่องต้องรู้เมื่อหายจาก COVID-19

LONG COVID เรื่องต้องรู้เมื่อหายจาก COVID-19 

      รู้เท่าทันลองโควิด (Long Covid) ผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาวหลังจากการรักษา COVID-19 หายแล้ว  ในแต่ละบุคคลมีความรุนแรงของโรคขณะติดเชื้อที่แตกต่างกัน จึงทำให้วิธีการฟื้นฟูร่างกายก็ไม่เหมือนกัน เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือควรรู้ถึงอาการเบื้องต้นเพื่อที่จะสามารถดูแลตัวเองให้ถูกวิธีได้ 

           รศ.พญ.พรรณพิศ สุวรรณกูล อายุรแพทย์ด้านโรคติดเชื้อ คลินิกอายุรกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า ลองโควิด (Long Covid) เป็นภาวะหรืออาการที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย COVID-19 หลังจากได้รับเชื้อนาน 4 สัปดาห์ไปจนถึง 12 สัปดาห์ขึ้นไป อาการที่พบจะหลากหลายและแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่จะพบในผู้ป่วย COVID-19 ที่เชื้อลงปอดและมีโรคเรื้อรังร่วมด้วยจนทำให้ปอดทำงานหนัก ไม่แข็งแรง จากเดิมที่ปอดมีความยืดหยุ่นก็จะเริ่มแข็งและอาจเกิดแผลหรือพังผืดต่างๆ ในเนื้อปอดได้ ส่งผลทำให้แลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ไม่เต็มที่ เหนื่อยง่าย หายใจไม่เต็มปอด และมีอาการผิดปกติอื่นๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและมักจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาการของลองโควิดที่พบบ่อย เช่น มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง เหนื่อยง่าย อ่อนแรง หายใจลำบาก หายใจติดขัด หายใจไม่อิ่ม ปวดศีรษะ สมาธิจดจ่อลดลง ความจำผิดปกติ ไอ เจ็บแน่นหน้าอก ปวดกล้ามเนื้อ ข้อต่อ ท้องร่วง ท้องเสีย จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ซึมเศร้า เครียด และวิตกกังวล ในส่วนของภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นได้คือ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis) สมองล้า (Brain Fog) ภาวะพร่องทางระบบประสาทอัตโนมัติ (Dysautonomia) ภาวะอาการอักเสบของปลอกหุ้มเส้นประสาท (Guillain-Barre Syndrome) โรคไฟโบรมัยอัลเจีย หรือโรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง มีความไวในการรับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าปกติ (Fibromyalgia) โรคนอนไม่หลับ (Insomnia)

          โดยเมื่อได้รับการรักษาจนหายจาก COVID -19 แล้ว คนไข้ควรหมั่นสังเกตอาการของตัวเอง เพราะแพทย์จะรักษาลองโควิดตามอาการเป็นหลัก หากพบว่ามีอาการตามที่กล่าวมาแล้วเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที อาการต่างๆจะดีขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้การตรวจร่างกายอย่างเป็นประจำตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยให้รู้ทันความผิดปกติที่เกิดขึ้นและสามารถดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสม และสำหรับคนที่หายจาก COVID-19 แล้วนั้นไม่แนะนำให้ออกกำลังกายมากจนเกินไป ควรเป็นการออกกำลังแบบเบาๆ เพื่อให้ปอดไม่ทำงานหนักจนเกินไปเพื่อร่างกายจะได้ค่อยๆ ฟื้นและปรับตัวกลับสู่สภาวะที่แข็งแรง

ภาวะลองโควิดยังไม่มีสาเหตุแน่ชัด แต่สามารถทำให้เกิดความผิดปกติกับร่างกายและจิตใจของผู้ที่หายจาก COVID-19 ได้ แพทย์แนะนำให้สังเกตตัวเองอย่างละเอียด ประเมินร่างกายตนเองอยู่เสมอ และฟื้นฟูร่างกายอย่างถูกต้อง หากมีอาการที่ทำให้รบกวนการใช้ชีวิตต้องรีบพบแพทย์เพื่อรักษาทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้จนรุนแรงเพราะจะส่งผลต่อร่างกายในระยะยาวได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกอายุรกรรม รพ.กรุงเทพ โทร.1719  หรือ แอดไลน์ @bangkokhospital 


วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2564

ททท. รับรางวัล PATA Gold 2021

ททท. รับรางวัล PATA Gold 2021 ผลงาน “แนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV)” ในสาขา MA: Marketing Campaign (National-Asia


        นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นตัวแทน ททท. รับรางวัล PATA Gold Awards 2021 ซึ่งจัดโดย Pacific Asia Travel Association สำหรับผลงาน “แนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV)” ในสาขา MA: Marketing Campaign (National-Asia) วันที่ 8 กันยายน 2564


     STV เป็นเครื่องมือในการเปิดประเทศ และต่อยอดไปสู่กิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ เช่น Golf Quarantine, Yacht Quarantine, Happy Quarantine ฯลฯ อันนำมาซึ่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019


    จากสถานการณ์การระบาดของไวรัส-19 ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของโลกเป็นอย่างมาก เนื่องจากการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ เพื่อการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้ประเทศไทยและอีกหลายประเทศท่องเที่ยว สูญเสียรายได้มหาศาล อย่างไรก็ดียังมีความต้องการของนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางเข้ามายังประเทศไทยอยู่ ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้ผลักดันทางออกที่จะเป็นช่องทางให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ไปพร้อมกับความปลอดภัยในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 จึงเป็นที่มาของ Special Tourist Visa (STV) อันเป็นวีซ่าประเภทพิเศษที่เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่มีความประสงค์ที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและพำนักระยะยาวในประเทศไทย


     โดย STV นั้น เป็นวีซ่าที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาพำนักได้เป็นระยะเวลา 90 วัน และต่อออกไปได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 90 วัน ในขณะที่นักท่องเที่ยวนั้น จะต้องยอมรับมาตรการทางสาธารณสุขของไทย ทั้งในการกักตัวใน Alternative State Quarantine หรือ Alternative Local Quarantine และการติดตามตัว


                ทั้งนี้ STV เป็นมาตรการตั้งต้นที่ในการเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทยควบคู่ไปกับมาตรการในการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 และนำไปสู่การต่อยอดยังกิจกรรมด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่าง ๆ อาทิเช่น Golf Quarantine, Yacht Quarantine, Happy Quarantine ฯลฯ อันนำมาซึ่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่ง STV ก็ยังสามารถสร้างรายได้ให้แก่ภาคอุตสาหกรรมแม้ในยามที่ภาคท่องเที่ยวยังมีข้อจำกัดอยู่อย่างมากก็ตาม

#SpecialTouristVisa

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2564

DITP ปลื้ม “The Marché Online Business Matching by STYLE Bangkok” จบสวย

DITP ปลื้ม “The Marché Online Business Matching by STYLE Bangkok” จบสวย                                             

             กิจกรรมการเจรจาการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ หรือ The Marché Online Business Matching by STYLE Bangkok (OBM) ซึ่งจัดขึ้น โดย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ระหว่างวันที่ 23-25 สิงหาคมที่ผ่านมา มีบริษัทผู้นำเข้าจาก 17 ประเทศ ได้แก่ เกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ไนจีเรีย บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ลาว เวียดนาม สเปน สหรัฐอเมริกา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สิงคโปร์ อาร์เจนตินา อินเดีย และฮ่องกง รวม 41 ราย เข้าร่วมเจรจาการค้ากับผู้ส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นไทยจำนวน 89 ราย สามารถจับคู่เจรจาธุรกิจสำเร็จ 170 คู่เจรจา และสร้างมูลค่าซื้อขายคาดการณ์ 1 ปี กว่า 57.4 ล้านบาท

                กิจกรรม OBM จัดขึ้นเพื่อให้ผู้ส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นไทยได้มีโอกาสเข้าถึงตลาดที่มีศักยภาพ พร้อมเปิดตลาดใหม่กับคู่ค้ารายใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศและเร่งรัดขยายมูลค่าส่งออกในยุค New Normal ตามนโยบายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่สำคัญคือเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยปรับตัวรับสถานการณ์โควิด-19 และช่วยให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคปัจจุบัน

             โดยกิจกรรมการเจรจาการค้าออนไลน์ในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ The Marché by STYLE Bangkok (เดอะ มาเช่ บาย สไตล์ แบ็งค็อก) ซึ่งจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการตลาดให้ผู้ผลิต ผู้ส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นไทยได้มีเวทีเจรจาการค้า ซื้อขายกับผู้ซื้อ-ผู้นำเข้า และผู้สนใจ ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยงานจัดแสดงสินค้าระหว่างวันที่ 6-10 ตุลาคม 2564 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์


                                                                         


ททท.สำนักงานลำปาง ร่วมกับ ชมรมร้านอาหารจังหวัดลำพูน ประชุมสรุปกิจกรรมแอ่วม่วนกิ๋นลำ@ลำพูน

ททท.สำนักงานลำปาง ร่วมกับ ชมรมร้านอาหารจังหวัดลำพูน ประชุมสรุปกิจกรรมแอ่วม่วนกิ๋นลำ@ลำพูน



            นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานลำปาง ร่วมประชุมกับชมรมร้านอาหารจังหวัดลำพูน สรุปกิจกรรมแอ่วม่วนกิ๋นลำ@ลำพูน ตั้งแต่ 1 เมษายน-31 กรกฎาคม 2564 (รวม 4 เดือน) มีผู้ใช้คูปองชิงโชค 17,256 ใบ (คน) แยกเป็นคนลำพูน 8,990 คน จากต่างจังหวัด 8,266 คน พร้อมจับรางวัลกว่า 100 รางวัล


     ททท.สำนักงานลำปางยินดีกับผู้โชคดีทุกคนโดยเฉพาะรางวัลเครื่องซักผ้ามูลค่า 9,000 บาท ตรวจสอบรายชื่อได้ที่เพจ : ททท.สำนักงานลำปาง ครับ

วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2564

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดพิธีทิ้งกระจาดครั้งยิ่งใหญ่ สู้ภัยมหาวิกฤตโควิด-19 ยกทัพคาราวานเครื่องอุปโภคบริโภค ลงพื้นที่แจกจ่ายแก่ประชาชนในพื้นที่ 50 เขตกรุงเทพฯ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดพิธีทิ้งกระจาดครั้งยิ่งใหญ่ สู้ภัยมหาวิกฤตโควิด-19 ยกทัพคาราวานเครื่องอุปโภคบริโภค ลงพื้นที่แจกจ่ายแก่ประชาชนในพื้นที่ 50 เขตกรุงเทพฯ

        มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการฯ เป็นประธานนในพิธี พร้อมด้วย ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ รองประธานกรรมการ นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และคณะกรรมการมูลนิธิฯ  ร่วมในพิธีปล่อยคาราวานเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา น้ำพริก เจลแอลกอฮอล์ บรรจุถุงผ้าดิบ พร้อมเงินสดที่ในปีนี้กลุ่มบริษัท นันยางเท็กซ์ไทล์ จำกัด ได้ร่วมบริจาคทำบุญ นำออกแจกจ่ายให้กับประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร (รวม 50 เขต) เขตละ 500 ชุด รวมจำนวน 25,000 ชุด รวมมูลค่าเป็นเงินทั้งสิ้น 15 ล้านบาท  โดยมี นายชวลิต ตวงสิทธิสมบัติ ประธานบริษัท นันยางเท็กซ์ไทล์ จำกัด นายชาติชาย กุละนำพล ผู้อำนวยการเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย นายพันธ์ศักดิ์  เจริญสุข ผู้อำนวยการเขตสาทร นายยุทธนา ป่าไม้ ผู้อำนวยการเขตภาษีเจริญ  พ.ต.อ มนัส รุ่งนาค ผู้กำกับสถานีตำรวจพลับพลาไชย 1  พ.ต.อ.พนม เชื้อทอง ผู้กำกับสถานีตำรวจพลับพลาไชย 2 พร้อมด้วยอาสาสมัครกิตติมศักดิ์  อาสาสมัครศิลปิน อาสาสมัครกู้ภัย และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมในพิธีปล่อยคาราวาน ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2564


        นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยว่า  ในปีนี้ ด้วยวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ที่รุนแรง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้เพิ่มชุดเครื่องอุปโภคบริโภคจากปีที่แล้วอีก 10,000 ชุด การแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคในปีนี้ มูลนิธิฯ ได้ประสานงานกับสำนักงานเขตทุกเขต ในการจัดเตรียมสถานที่และชุมชนในพื้นที่ เพื่อจัดระเบียบ ตั้งจุดคัดกรองประชาชนในแต่ละจุดตามหลักการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)  รวมทั้งจัดกำลังอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ในทุกๆ จุด ทั่วกรุงเทพมหานคร รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯ  เพื่อเป็นตัวแทนผู้มีจิตศรัทธาในการลงพื้นที่แจกจ่ายสิ่งของ


         งานประเพณีทิ้งกระจาด เป็นงานบุญประเพณีสำคัญของชาวพุทธที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาแต่สมัยพุทธกาลกว่าสองพันปี กำหนดจัดขึ้นในเดือน 7 ตามจันทรคติของจีน เป็นการทำบุญใหญ่ด้วยการอุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณผู้ล่วงลับไปแล้วพร้อมกับการแจกทานให้ผู้ยากไร้  เป็นงานบุญที่ครบพร้อมทั้งการทำบุญและทำทาน โดยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้บำเพ็ญบุญประเพณีนี้ต่อเนื่องมาเป็นประจำทุกปีกว่า 80 ปี

       ตลอดระยะเวลากว่า 110 ปี  มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบคุณผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านที่ได้ช่วยกันบริจาค และสนับสนุนกิจกรรมสาธารณกุศลของมูลนิธิฯ ตลอดมา ทำให้มูลนิธิฯ สามารถขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนาเท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายๆ ทาง รวมถึงการพัฒนาด้านการศึกษา เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

#ป่อเต็กตึ๊ง ยึดมั่นอุดมการณ์ อยู่เคียงข้างทุกวิกฤต

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง110ปีความดีที่ยั่งยืน

#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง 1418

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินหน้าเป็นสะพานบุญปกป้องอธิปไตยไทยต่อเนื่อง มอบเงินสนับสนุน 1 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินหน้าเป็นสะพานบุญปกป้องอธิปไตยไทยต่อเนื่อง  มอบเงินสนับสนุน 1 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บ  รวมทั้งเสริมสร้างค...